Skip to main content
x
 

ละทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร

 
เรื่องดำที่  6110187  เรื่องแดงที่  0071162
ผลคำวินิจฉัย ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดดำเนินการเอง
 
                   คำว่าเหตุผลอันสมควรที่จะนำมาอ้างกรณีละทิ้งหน้าที่ราชการนั้น ต้องพิจารณาจากสาเหตุของการละทิ้งว่าเป็นสาเหตุที่มีเหตุผลความจำเป็นถึงขนาดที่จะต้องละทิ้งหรือไม่ และต้องไม่ใช้เหตุผลเกี่ยวกับธุระส่วนตัว การที่ผู้อุทธรณ์อ้างว่า สาเหตุที่ละทิ้งหน้าที่ราชการเพราะมีอาการป่วย นั้น จากข้อเท็จจริงผู้อุทธรณ์ละทิ้งหน้าที่ราชการต่อเนื่องกันถึงยี่สิบวัน แต่ผู้อุทธรณ์ไม่ไปพบแพทย์ ส่อให้เห็นพิรุธว่าในช่วงวันดังกล่าวผู้อุทธรณ์ไม่ได้ป่วยจริง ส่วนใบรับรองแพทย์ที่ผู้อุทธรณ์นำมายืนยัน แพทย์ได้ออกให้ก่อนเกิดเหตุเป็นเวลา 9 เดือน อีกทั้งใบรับรองแพทย์ฉบับหนึ่งระบุว่าให้พักรักษาตัว 1 วัน ส่วนอีกฉบับหนึ่งไม่ได้ระบุว่าให้ลาพักรักษาตัว แสดงว่าอาการป่วยของผู้อุทธรณ์ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดทำให้ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้เป็นเวลาหลายวัน เมื่อไม่ปรากฏเหตุอันจำเป็นอื่นใดทำให้ผู้อุทธรณ์ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการในวันดังกล่าวได้ การละทิ้งหน้าที่ราชการของผู้อุทธรณ์จึงเป็นไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร
 

ข้อเท็จจริง

                   เมื่อครั้งที่ผู้อุทธรณ์ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ ผู้อุทธรณ์ไม่ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในวันที่ 20 - 29 มิถุนายน 2559 เมื่อกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ยื่นใบรับรองแพทย์ของคลินิกแห่งหนึ่ง ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าผู้อุทธรณ์เป็นโรคปวดเส้นโลหิตสูงและความดันในสมอง สมควรพัก 1 วัน และแนบใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลศรีธัญญา ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคทางสมอง ต่อมาในระหว่างวันที่ 8 - 27 มีนาคม 2560 ผู้อุทธรณ์ไม่มาปฏิบัติราชการโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่บ้านพักแล้วไม่พบตัวผู้อุทธรณ์แต่อย่างใด อธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงผู้อุทธรณ์ กรณีไม่มาปฏิบัติราชการในวันที่ 8 - 27 มีนาคม 2560 ต่อมามีคำสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามมาตรา 85 (3) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ผู้อุทธรณ์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งลงโทษดังกล่าว อ้างว่าสาเหตุที่ไม่ไปปฏิบัติราชการเนื่องจากปวดศีรษะจากอาการเครียดและมีอาการป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคทางสมอง จากการที่ถูกย้ายงานทำให้มีรายได้ไม่เพียงพอจุนเจือครอบครัว จึงพักรักษาตัวตามลำพัง
 

คำวินิจฉัย

                   ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์ไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ราชการระหว่างวันที่ 8- 27 มีนาคม 2560 เป็นกรณีละทิ้งหน้าที่ราชการต่อเนื่องกันถึงยี่สิบวัน ซึ่งหากผู้อุทธรณ์มีอาการป่วยจริงย่อมต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษา แต่ผู้อุทธรณ์ไม่ไปพบแพทย์จึงไม่มีใบรับรองแพทย์มายืนยัน ส่อให้เห็นพิรุธว่าในช่วงวันดังกล่าวผู้อุทธรณ์ไม่ได้ป่วยจริง ประกอบกับใบรับรองแพทย์ของคลินิกและโรงพยาบาลศรีธัญญา แพทย์ได้ออกใบรับรองให้แก่ผู้อุทธรณ์เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 และวันที่ 23 มิถุนายน 2559 ซึ่งเป็นระยะเวลาก่อนเกิดเหตุเป็นเวลา 9 เดือน จึงไม่อาจนำมาเป็นพยานหลักฐานยืนยันได้ว่าในช่วงดังกล่าวผู้อุทธรณ์ไม่มาปฏิบัติราชการเพราะมีอาการป่วยด้วยโรคดังกล่าวจริง อีกทั้งใบรับรองแพทย์ของคลินิกระบุว่าให้พักรักษาตัว 1 วัน ส่วนของโรงพยาบาลศรีธัญญา ไม่ได้ระบุว่าให้ลาพักรักษาตัว แสดงว่าอาการป่วยของผู้อุทธรณ์ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดทำให้ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการได้เป็นเวลาหลายวัน นอกจากนั้น เมื่อแพทย์โรงพยาบาลศรีธัญญาได้นัดให้ผู้อุทธรณ์ไปพบ ผู้อุทธรณ์ก็ไม่ไปพบตามนัด จนระยะเวลาล่วงเลยมาเป็นเวลา 9 เดือน ประกอบกับเมื่อไม่ปรากฏเหตุอันจำเป็นอื่นใดทำให้ผู้อุทธรณ์ไม่สามารถมาปฏิบัติราชการในวันดังกล่าวได้ การละทิ้งหน้าที่ราชการของผู้อุทธรณ์จึงเป็นไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรและเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (3) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 การลงโทษปลดออกจากราชการเหมาะสมแก่กรณีการกระทำผิดแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น ก.พ.ค. จึงมีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์
 
วันที่
The website encountered an unexpected error. Please try again later.