Skip to main content
x
 

ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการตรวจรับงานจ้าง แต่ไม่รายงานให้หัวหน้าส่วนราชการเพื่อทราบหรือสั่งการตามระเบียบ (เรื่องแดงที่ 0024164)

 

ข้อเท็จจริง

                นางสาว อ. ผู้อุทธรณ์ รับราชการตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ ได้อุทธรณ์คำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ (ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561) ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 กรณีได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้างงานก่อสร้างปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักเด็ก (จำนวน 4 หลัง) ตามสัญญาจ้างลงวันที่ 29 กันยายน 2559 ได้กระทำการตรวจการจ้างงานก่อสร้างดังกล่าวไม่เป็นไปตามสัญญาจ้าง จำนวน 8 รายการ คิดเป็นจำนวนเงิน 133,947.50 บาท (หนึ่งแสนสามหมื่นสามพันเก้าร้อยสี่สิบเจ็ดบาทห้าสิบสตางค์) แม้ภายหลังผู้รับจ้างได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาคืนให้กับทางราชการ แต่การกระทำดังกล่าวของผู้อุทธรณ์ซึ่งเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้างเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อ 72 แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
               เมื่อครั้งผู้อุทธรณ์ ดำรงตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ ได้รับคำสั่งกรม ลงวันที่ 21 กันยายน 2559 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ สำหรับการจ้างงานจ้างเหมาปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักเด็ก (จำนวน 4 หลัง) แต่งตั้งผู้อุทธรณ์เป็นประธานกรรมการตรวจการจ้าง โดยผู้อุทธรณ์ได้ลงลายมือชื่อในใบตรวจรับการจัดซื้อ/จัดจ้างว่าถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา ไม่มีค่าปรับ ทั้งที่ทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่ามีการเปลี่ยนแปลงงานก่อสร้าง 8 รายการ แต่กลับไม่รายงานให้หัวหน้าส่วนราชการทราบหรือสั่งการ คู่กรณีในอุทธรณ์มีคำสั่งกรม ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ลงโทษภาคทัณฑ์ผู้อุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์จึงได้อุทธรณ์โดยมีสาระสำคัญว่าการลงลายมือชื่อในเอกสารตรวจการจ้าง โดยรับรองว่างานจ้างถูกต้องและครบถ้วนตามสัญญา เนื่องจากศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพเยาวชนจังหวัด ซี  มีข้อจำกัดด้านอัตรากำลัง ไม่มีบุคลากรที่มีความรู้ด้านการก่อสร้างหรือซ่อมแซม ผู้อุทธรณ์เป็นข้าราชการพลเรือนเพียงคนเดียวที่เป็นกรรมการตรวจการจ้างและมีภารกิจในการเดินทางไปราชการส่วนกลางหลายครั้ง จึงได้มอบหมายให้กรรมการตรวจการจ้างอีกสองคนช่วยตรวจสอบ ซึ่งโครงการดังกล่าวต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ประกอบกับช่างผู้ควบคุมงานไม่ได้มีความเห็นหรือรายงานให้คณะกรรมการตรวจการจ้างดำเนินการแก้ไขรายละเอียดแต่อย่างใด อีกทั้งผู้อุทธรณ์ได้ชี้แจงว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า สอดคล้อง เหมาะสมกับการพักอาศัยและพฤติกรรมการใช้งานของเด็ก ผู้อุทธรณ์ไม่มีเจตนาทุจริต จึงขอให้พิจารณางดโทษภาคทัณฑ์และทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือน
 

คำวินิจฉัย ก.พ.ค.

                ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการทางวินัยแก่ผู้อุทธรณ์เป็นไปโดยชอบ และข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่า พฤติการณ์การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ในฐานะประธานกรรมการตรวจการจ้าง ได้ลงลายมือชื่อในใบตรวจรับการจัดซื้อ/จัดจ้างว่าถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา ไม่มีค่าปรับ ทั้งที่ทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่ามีการเปลี่ยนแปลงงานก่อสร้าง 8 รายการ แต่กลับไม่รายงานให้หัวหน้าส่วนราชการเพื่อทราบหรือสั่งการ ตามข้อ 72 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ดังนั้น การที่คู่กรณีในอุทธรณ์มีคำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ผู้อุทธรณ์ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และระดับโทษเหมาะสมแก่กรณีความผิดแล้ว

สรุปผล

                คำอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์

 

วันที่