Skip to main content
x

จดทะเบียนสมรสเท็จเพื่อให้คนต่างด้าวได้รับสิทธิฯ ผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ

 
เรื่องดำที่  6110072 6110073  เรื่องแดงที่  0114162  0115162
ผลคำวินิจฉัย ยกอุทธรณ์  
การดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดดำเนินการเอง
 
                    การจดทะเบียนสมรสให้ผู้ที่ไม่มีเจตนาที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสามีภริยา แต่มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงเพื่อได้รับสิทธิขอพำนักในประเทศไทย รวมทั้งสิทธิในการยื่นคำรับรองแปลงสัญชาติเป็นไทย อันเป็นช่องทางในการลักลอบประกอบอาชีพและเป็นอาชญากรรมต่อสังคมไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายให้กับผู้ร้องขอจดทะเบียนสมรส กรณีจึงเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
 

ข้อเท็จจริง

                     ผู้อุทธรณ์ที่ 1 เดิมดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายทะเบียนและบัตร และมีผู้อุทธรณ์ที่ 2 เดิมดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญการ เป็นผู้ช่วย ปรากฏว่าผู้อุทธรณ์ทั้งสองได้ร่วมกันดำเนินการจดทะเบียนสมรสให้หญิงไทยกับชายชาวต่างชาติ จำนวน 88 คู่ โดยไม่ได้เรียกเอกสารหนังสือรับรองของสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลของชายชาวต่างชาติผู้ขอจดทะเบียนสมรสทุกราย เป็นการไม่ปฏิบัติตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย และหนังสือกรมการปกครอง และผู้อุทธรณ์ที่ 1 ได้ลงนามในฐานะนายทะเบียนด้วยตนเอง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีคำสั่งมอบหมายจากนายอำเภอให้เป็นนายทะเบียน นอกจากนี้ไม่มีการสอบสวนคู่สมรสเกี่ยวกับพฤติการณ์การอยู่กินฉันสามีภริยา ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้ดำเนินการทางวินัยแก่ผู้อุทธรณ์ทั้งสองในกรณีดังกล่าว โดยผลการดำเนินการทางวินัยปรากฏว่า พฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์ทั้งสองเป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงจึงลงโทษลดเงินเดือนผู้อุทธรณ์ที่ 1 และตัดเงินเดือนผู้อุทธรณ์ที่ 2 และได้รายงานการลงโทษไปยัง อ.ก.พ. กระทรวง ซึ่ง อ.ก.พ. กระทรวง พิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์ทั้งสองเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้หญิงไทยกับชายชาวต่างชาติได้ทะเบียนสมรสไปและมีผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามมาตรา 82 (2)  และมาตรา 85 (1) (4) และ (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มีมติให้เพิ่มโทษเป็นไล่ออกจากราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีคำสั่งเพิ่มโทษผู้อุทธรณ์ทั้งสองตามมติ อ.ก.พ. กระทรวง และผู้อุทธรณ์ได้อุทธรณ์คำสั่งเพิ่มโทษดังกล่าวต่อ ก.พ.ค.
 

คำวินิจฉัย

                    ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผลจากการกระทำของผู้อุทธรณ์ทั้งสองทำให้บุคคลต่างด้าวจำนวน 88 ราย ได้ไปซึ่งทะเบียนสมรสกับหญิงไทย โดยไม่มีเจตนาที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสามีภริยา แต่มีวัตถุประสงค์ที่แท้จริงเพื่อนำทะเบียนสมรสใช้เป็นเอกสารขอพำนักในประเทศไทยได้เป็นเวลานาน อันเป็นช่องทางในการลักลอบประกอบอาชีพ รวมถึงสิทธิในการยื่นคำรับรองแปลงสัญชาติเป็นไทยซึ่งถือเป็นอาชญากรรมต่อสังคมไทย ทั้งในด้านความมั่นคง สังคม และเศรษฐกิจของประเทศไทย การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด นอกจากนั้น การที่ผู้ร้องขอจดทะเบียนสมรสได้รับการจดทะเบียนสมรสแล้ว ย่อมเป็นการได้ประโยชน์ที่มิควรได้ พฤติการณ์จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการทุจริต ตามมาตรา 85 (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 อีกด้วย ซึ่งในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการนั้น คณะรัฐมนตรีได้วางแนวทางการลงโทษไว้ว่าให้ไล่ออกจากราชการ จึงไม่อาจลดหย่อนโทษได้ ดังนั้น การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งเพิ่มโทษผู้อุทธรณ์ทั้งสองเป็นไล่ออกจากราชการตามมติ อ.ก.พ.กระทรวง จึงถูกต้องเหมาะสมกับกรณีความผิดแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์

 

 

วันที่