Skip to main content
x

 

ต่อให้ไม่ได้รับเงินก็ผิดทุจริตได้

 

เรื่องดำที่  6010105  เรื่องแดงที่  0036163
ผลคำวินิจฉัย อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดดำเนินการเอง

 

          การที่ผู้อุทธรณ์พิจารณาอนุมัติให้จัดทำบัตรประจำตัวประชาชน โดยจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการจนเป็นเหตุให้ผู้ไม่ทราบชื่อและสัญชาติจำนวน 15 รายสวมตัวเป็นบุคคลสัญชาติไทยและได้รับบัตรประชาชน ถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อให้ผู้ไม่ทราบชื่อและสัญชาติดังกล่าวได้รับประโยชน์โดยมิชอบ และเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการแล้ว โดยไม่ต้องพิจารณาว่าผู้อุทธรณ์จะได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบุคคลทั้ง 15 คน หรือไม่

 

ข้อเท็จจริง
          เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ที่ทำการปกครองอำเภอแห่งหนึ่ง ผู้อุทธรณ์ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบงานบัตรประจำตัวประชาชน ต่อมาผู้อุทธรณ์ได้อนุมัติให้จัดทำบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ผู้ขอมีบัตรซึ่งเป็นผู้ไม่ทราบชื่อและสัญชาติจำนวน 15 ราย ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่ผู้อุทธรณ์ โดยผลการสอบสวนปรากฏว่าผู้อุทธรณ์จงใจไม่ตรวจสอบข้อมูลของผู้ขอมีบัตรและผู้เกี่ยวข้องกับการขอมีบัตรจากฐานข้อมูลทะเบียนบัตรประจำตัวประชาชน และไม่ได้สอบสวนผู้ขอมีบัตรว่าใช่บุคคลตามรายการในทะเบียนบ้านจริงหรือไม่ จนเป็นเหตุให้ผู้ไม่ทราบชื่อและสัญชาติมีบัตรทั้ง 15 ราย ได้รับบัตรประจำตัวประชาชนไป และปรากฏว่าผู้อุทธรณ์ได้รับเงินจากนาย ศ. อดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อุทธรณ์ จำนวน 60,000 บาท เพื่อให้ผู้อุทธรณ์สวมตัวทำบัตรให้แก่ นาย พ. 1 ใน 15 ผู้ขอมีบัตรข้างต้น พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามมาตรา 85 (1) และ(4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมติ อ.ก.พ. จังหวัด จึงได้สั่งลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ ผู้อุทธรณ์จึงได้อุทธรณ์คำสั่งลงโทษดังกล่าวต่อ ก.พ.ค.

 

คำวินิจฉัย
          ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้อุทธรณ์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปกครองผู้มีหน้าที่ในการออกบัตรประจำตัวประชาชนพิจารณาอนุมัติให้จัดทำบัตรประจำตัวประชาชนโดยไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลผู้ขอมีบัตรและผู้เกี่ยวข้องกับการขอมีบัตรจากฐานข้อมูลทะเบียนบัตรประจำตัวประชาชน และไม่ได้สอบสวนผู้ขอมีบัตรว่าใช่บุคคลตามรายการในทะเบียนบ้านจริงหรือไม่ นั้น เป็นการดำเนินการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตาม ข้อ 11 ของระเบียบกรมการปกครองว่าด้วยการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2554 ประกอบหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0309.1/ว 53 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2549 และหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0309.1/ว 28795 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2553 แม้ว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏชัดเจนเพียงบางรายว่าผู้อุทธรณ์เรียกรับเงินก็ตาม แต่การกระทำของผู้อุทธรณ์ดังกล่าวก็ปรากฏชัดเจนว่าเป็นการจงใจช่วยเหลือให้ผู้ไม่ทราบชื่อและสัญชาติจำนวน 15 รายสวมตัวเป็นบุคคลสัญชาติไทยและได้รับบัตรประชาชนไป อันถือได้ว่าเป็นการทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบแล้ว ผู้อุทธรณ์จึงมีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามมาตรา 85 (1) และ(4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 แล้ว การที่คู่กรณีในอุทธรณ์ลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น จึงวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์

 

วันที่