ภาพประกอบเนื้อหา
นำเงินราชการไปใช้เพื่อประโยชน์อย่างอื่นของราชการ
เรื่องดำที่ 6010112 เรื่องแดงที่ 0045161
ผลคำวินิจฉัย ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดดำเนินการเอง
เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีใช้ใบสำคัญรับเงินเป็นหลักฐานประกอบการเบิกค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมโครงการอบรมแทนใบเสร็จรับเงินทั้งที่โรงแรมที่จัดงานสามารถออกใบเสร็จรับเงินให้ได้ แล้วระบุจำนวนเงินเกินกว่าที่จ่ายจริง แม้จะนำเงินส่วนต่างไปจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานที่จำเป็นและขาดแคลน พฤติการณ์ก็เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่มีระเบียบกำหนด
ข้อเท็จจริง
กลุ่มตรวจสอบภายใน กรมคุมประพฤติ ได้เข้าตรวจสอบสํานักงานคุมประพฤติจังหวัดแห่งหนึ่งเมื่อเดือนเมษายน 2552 แล้วพบว่า ผู้อุทธรณ์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน และได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานการเงินและบัญชี มีพฤติการณ์การปฏิบัติหน้าที่ส่อไปในทางไม่สุจริตเกี่ยวกับการใช้ใบสำคัญรับเงินเป็นหลักฐานประกอบการเบิกค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมโครงการอบรมแทนใบเสร็จรับเงิน กลุ่มตรวจสอบภายในจึงได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่ออธิบดีกรมคุมประพฤติ ซึ่งอธิบดีกรมคุมประพฤติพิจารณาแล้วได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงกับผู้อุทธรณ์ จากการสอบสวน พยานหลักฐานต่างๆ ฟังได้ว่า ผู้อุทธรณ์ซึ่งมีหน้าที่ยืมเงิน จ่ายเงิน จัดทําหลักฐานประกอบการจ่ายเงิน และเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมโครงการอบรมในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2551 จำนวน 2 ครั้ง ปรากฏว่าผู้อุทธรณ์ได้จัดทําใบสําคัญรับเงินค่าอาหารกลางวัน อาหารว่างและเครื่องดื่ม และค่าที่พัก และให้เจ้าหน้าที่ของโรงแรมลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงินและผู้อุทธรณ์เป็นผู้จ่ายเงิน สําหรับใช้เป็นหลักฐานประกอบการเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมโครงการดังกล่าวแทนใบเสร็จรับเงิน ทั้งที่โรงแรมดังกล่าวสามารถออกใบเสร็จรับเงินให้ได้ โดยผู้อุทธรณ์ได้ระบุจํานวนเงินในใบสําคัญรับเงินมากกว่าจํานวนเงินที่จ่ายจริง แล้วนําเงินส่วนต่างจากการเบิกเงินค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมทั้งสองโครงการดังกล่าวไปจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในสํานักงานที่จําเป็นและยังขาดแคลน
อธิบดีกรมคุมประพฤติพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์การใช้ใบสำคัญรับเงินเป็นหลักฐานประกอบการเบิกค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมโครงการอบรมแทนใบเสร็จรับเงิน เป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และฐานไม่ปฏิบัติราชการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ตามมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และมาตรา 85 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
คำวินิจฉัย
ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ราชการเกี่ยวกับการยืมเงิน จ่ายเงินและจัดทำหลักฐานประกอบการจ่ายเงินและเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมโครงการอบรม ซึ่งในการเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรม มีระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2551 ข้อ 52 กำหนดว่า กรณีส่วนราชการจ่ายเงินรายใด ซึ่งตามลักษณะไม่อาจเรียกใบเสร็จรับเงินจากผู้รับเงินได้ ให้ผู้รับเงินลงชื่อรับเงินในใบสำคัญรับเงินเพื่อใช้เป็นหลักฐานการจ่าย เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ปรากฏว่า กิจกรรมโครงการอบรมจัดขึ้นที่โรงแรม และโรงแรมดังกล่าวสามารถออกใบเสร็จรับเงินเป็นค่าที่พัก ค่าอาหารกลางวัน ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มให้แก่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดได้ แต่ผู้อุทธรณ์กลับไม่เรียกใบเสร็จรับเงินจากโรงแรม แต่ได้จัดทำใบสำคัญรับเงินและขอให้เจ้าหน้าที่โรงแรมลงลายมือชื่อเป็นผู้รับเงินในใบสำคัญรับเงินแทน แม้ผู้อุทธรณ์จะนำเงินส่วนต่างที่ได้จากการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมไปใช้ในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานที่จำเป็นและขาดแคลน แต่การกระทำของผู้อุทธรณ์ก็เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่มีระเบียบกำหนด อันเป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ตามมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และมาตรา 85 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 อันเป็นความผิดตามที่ถูกลงโทษ อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์
วันที่