Skip to main content
x
       

ผลของการยึดมั่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง

 
         “ก.พ.ค. ขอบอก” วันนี้ ขอเสนอกรณีตัวอย่างเรื่องอุทธรณ์ที่ผู้อุทธรณ์ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้างแต่ปฏิเสธการตรวจรับเพราะเห็นว่าใช้วัสดุไม่ตรงตามบัญชีรายการ  รวมทั้งได้ร้องเรียนเรื่องราวนี้ไปยังหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เข้ามาทำการตรวจสอบ  และมีหนังสือโต้ตอบหน่วยงานต่าง ๆ โดยไม่ผ่านผู้บังคับบัญชาหรือหัวหน้าหน่วยงาน จนถูกสั่งลงโทษตัดเงินเดือน ร้อยละ 2 เป็นเวลา 1 เดือน
          เรื่องนี้ ผู้อุทธรณ์ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน สังกัดโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้างเหมาปรับปรุงพื้นที่ให้บริการของโรงพยาบาล โดยในการตรวจการจ้าง ผู้อุทธรณ์ได้เข้าไปตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างและพบว่ามีการใช้เหล็กเส้นไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา จึงทักท้วง โดยแจ้งช่างผู้ควบคุมงานและผู้รับจ้างให้เปลี่ยนเหล็กเส้นให้ถูกต้องก่อนที่จะทำการก่อสร้าง และรายงานผู้อำนวยการโรงพยาบาล ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด (ในฐานะผู้ว่าจ้าง) แต่ปรากฏว่า ผู้รับจ้างยังคงดำเนินการใช้เหล็กเส้นที่ไม่ตรงตามที่กำหนดในสัญญา ผู้อุทธรณ์จึงไม่ตรวจรับงานจ้าง ในขณะที่กรรมการตรวจการจ้างฯ รายอื่นเห็นว่าผู้รับจ้างได้ปฏิบัติตามรายละเอียดในสัญญาครบถ้วนถูกต้องแล้ว จึงมีมติรับมอบงาน  ในการนี้ผู้ว่าจ้างพิจารณาเห็นชอบให้ตรวจรับงานจ้างได้  โดยข้อเท็จจริงเรื่องนี้ยังปรากฏว่า ผู้อุทธรณ์ได้ร้องเรียนกรณีนี้ไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด สำนักงาน ป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน รวมทั้งสอบถามศาลปกครองตามที่ผู้อุทธรณ์เห็นว่าจะสามารถให้ความกระจ่างได้ 
           ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติการณ์การร้องเรียนของผู้อุทธรณ์เป็นการใช้สิทธิทั้งในฐานะกรรมการตรวจการจ้างและในฐานะประชาชนที่เป็นพลเมืองดีสามารถกระทำได้ ไม่ถือเป็นการกระทำข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปแต่อย่างใด  นอกจากนี้ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ผู้อุทธรณ์ได้ลงพื้นที่ตรวจงานจ้างด้วยตนเอง โดยไม่ได้รับรายงานจากช่างผู้ควบคุมงาน แล้วพบว่ามีการใช้เหล็กเส้นไม่ตรงตามข้อกำหนดในสัญญาจ้าง จึงได้สั่งให้เปลี่ยนเหล็กเส้นให้ถูกต้องตามสัญญา และรายงานให้ผู้ว่าจ้างทราบแล้ว การกระทำของผู้อุทธรณ์จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ และรักษาประโยชน์ของทางราชการแล้ว  และเมื่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยรับฟังข้อเท็จจริงที่เป็นผลร้ายต่อผู้อุทธรณ์จากช่างของผู้รับเหมาก่อสร้างเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ได้รับฟังเรื่องทั้งหมดว่ามีการโต้เถียงกันอย่างไร เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏด้วยว่าช่างผู้รับเหมางานเองก็มีพฤติกรรมไม่เชื่อฟังผู้ตรวจงาน  และใช้กิริยาวาจาไม่เหมาะสม จึงเป็นการพูดจากันในเรื่องเกี่ยวกับงาน ย่อมอาจมีถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมของทั้งสองฝ่ายอยู่บ้าง มิใช่ผู้อุทธรณ์กล่าวเพียงฝ่ายเดียว การกระทำของผู้อุทธรณ์จึงยังไม่ถึงกับเป็นการกลั่นแกล้ง กดขี่ หรือข่มเหงกันในการปฏิบัติราชการ  ดังนั้น จึงเห็นว่า คำสั่งลงโทษตัดเงินเดือนผู้อุทธรณ์ ร้อยละ 2 เป็นเวลา 1 เดือน ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย ฐานปฏิบัติราชการอันเป็นการกระทำข้ามผู้บังคับบัญชาเหนือตน ฐานไม่ปฏิบัติราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความตั้งใจอุตสาหะ เอาใจใส่ และรักษาประโยชน์ของทางราชการ และฐานกระทำการใดที่เป็นการกลั่นแกล้ง กดขี่ หรือข่มเหงกันในการปฏิบัติราชการนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้น จึงวินิจฉัยให้ยกโทษแก่ผู้อุทธรณ์และให้ยกเลิกคำสั่งลงโทษ รวมทั้งคืนสิทธิประโยชน์ทั้งหมดให้แก่ผู้อุทธรณ์ด้วย
            เรื่องนี้จึงเป็นตัวอย่างของการปฏิบัติหน้าที่ราชการที่ควรยึดมั่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง  มิเช่นนั้นแล้ว  หากเกิดเหตุการร้องเรียนขึ้นมาคราใดเราก็อาจทุกข์ใจได้จากการกระทำที่ไม่ชอบนั้น  เพราะไม่ว่าจะนานเพียงไหน  ความผิดวินัย ก็ไม่มีอายุความ..นะ...ขอบอก

 

ประเภทเนื้อหา
วันที่