ใช้เงินสนับสนุนซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณ จัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบเป็นเหตุให้ถูกไล่ออกจากราชการ

                 วันนี้ “ก.พ.ค. ขอบอก” ขอบอกเรื่องราวของ อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงแห่งหนึ่ง ซึ่งได้อุทธรณ์คำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการมายัง ก.พ.ค. กรณีดำเนินการจัดซื้อรถยนต์นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อ VOLKSWAGEN รุ่น CARAVELLE 3.2v6 BUSSINESS LINE ไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นการวางแผนที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากการจัดซื้อดังกล่าวและนำเงินส่วนเกินจำนวน 500,000 บาทไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว

                เรื่องนี้ ก.พ.ค. ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์ในฐานะผู้ตรวจราชการ เขต 6 ได้ขอรับเงินสนับสนุนจากโรงพยาบาลในเขตตรวจราชการที่ 6 รวม 5 แห่ง เป็นจำนวนเงิน 3,600,000 บาท เพื่อนำไปจัดซื้อรถยนต์ตู้ไว้ใช้ในราชการของเขต 6 ซึ่งเงินดังกล่าวแม้จะเป็นเงินนอกงบประมาณแต่ถือว่าเป็นเงินของทางราชการ เมื่อกรณีนี้ ค่ารถยนต์ตู้มีราคาเพียง 3,100,000 บาท การจัดซื้อจึงมีเงินส่วนเกิน จำนวน 500,000 บาท ซึ่งผู้อุทธรณ์ได้กล่าวอ้างว่า ได้นำเงินส่วนเกินดังกล่าวไปติดตั้งจานดาวเทียมบนรถยนต์ตู้ และนำส่วนที่เหลือไปใช้ในโครงการกิจกรรมที่ผู้อุทธรณ์ได้ดำเนินการทั้งๆ ที่โครงการกิจกรรมดังกล่าวมิได้รับอนุมัติจากต้นสังกัด โดยผู้อุทธรณ์ได้ใช้จ่ายเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่ตนทำ จำนวน 300,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้หากผู้อุทธรณ์ได้ขออนุมัติย่อมสามารถนำเงินของทางราชการมาใช้จ่ายได้ ส่วนข้อเท็จจริงที่ผู้อุทธรณ์ได้กล่าวอ้างว่าตนได้ใช้จ่ายไปในการดำเนินกิจกรรมอื่นๆ อีกหลายประการ จำนวน 200,000 บาท นั้น ก็มิอาจหาหลักฐานมาหักล้างค่าใช้จ่ายตามระเบียบที่เกี่ยวข้องได้ เมื่อพิจารณาประกอบกับการจัดซื้อรถยนต์ตู้คันดังกล่าวผู้อุทธรณ์เป็นผู้ดำเนินการเองโดยตกลงราคากับผู้ขาย สั่งจ่ายเงิน และเป็นผู้รับรถจากผู้ขายด้วยตนเอง การจัดซื้อในครั้งนี้จึงเป็นการดำเนินการที่มิชอบตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุและที่แก้ไขเพิ่มเติม อีกด้วย

                จากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏพิจารณาได้ว่า ผู้อุทธรณ์เป็นผู้ได้ประโยชน์บางส่วนจากเงินส่วนเกิน พฤติการณ์จึงถือเป็นการอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น และเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ ด้วยกฎหมาย กรณีจึงเป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ตามมาตรา 85 (1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2551 คำสั่งลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการชอบด้วยกฎหมาย และผู้อุทธรณ์ได้รับโทษเหมาะสมกับกรณีกระทำผิดแล้วอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น เห็นสมควรให้ยกอุทธรณ์

                 เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า แม้เงินที่นำมาจัดซื้อรถยนต์ของราชการจะได้มาจากการขอรับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ เงินดังกล่าวก็เป็นเงินของราชการที่การดำเนินการจะต้องจัดทำให้เป็นไปตาม กฎ ระเบียบของราชการเช่นเดียวกัน หากนำเงินดังกล่าวไปใช้ในทางที่ผิด หรือ หาประโยชน์โดยมิชอบจากเงินจำนวนนี้ ก็อาจได้รับผลเช่นเดียวกับข้าราชการรายนี้ ได้นะ..ขอบอก...