ปลอมหนังสือรับรองเงินเดือน

                 “ก.พ.ค ขอบอก” วันนี้ ขอเสนอเรื่องอุทธรณ์คำสั่งลงโทษปลดออกจากราชการที่เกี่ยวกับการจัดทำหนังสือรับรองเงินเดือนขึ้นเองและปลอมลายมือชื่อผู้อื่นแล้วนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจแก่เพื่อนข้าราชการทั้งหลาย

                  เรื่องนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้อุทธรณ์ซึ่งเป็นข้าราชการได้ไปติดต่อขอประกันตัวหลานสาวซึ่งเป็นเยาวชน และถูกควบคุมตัวที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยใช้หนังสือรับรองเงินเดือนที่ผู้อุทธรณ์จัดทำขึ้นเองเป็นหลักประกัน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเอกสารพบว่าเอกสารดังกล่าวไม่ได้ออกโดยหน่วยงานต้นสังกัดของผู้อุทธรณ์ เอกสารดังกล่าวจึงไม่สามารถใช้ประกันตัวได้ ผู้อุทธรณ์จึงต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันแทน 

                   ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์ได้นำหนังสือรับรองเงินเดือนข้าราชการที่จัดทำขึ้นเองโดยรับรองว่าผู้อุทธรณ์มีอัตราเงินเดือน 25,200 บาท ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะผู้อุทธรณ์มีอัตราเงินเดือนเพียง 16,840 บาท และผู้อุทธรณ์ได้ปลอมลายมือชื่อนาย ก. ลงนามรับรองในฐานะหัวหน้าหน่วยงานที่ผู้อุทธรณ์สังกัดอยู่ ไปยื่นต่อสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเพื่อขอประกันตัวหลานสาวที่ถูกจับกุม การกระทำของผู้อุทธรณ์เป็นการจัดทำเอกสารปลอมโดยเจตนาที่จะทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและเจตนาที่นำไปใช้ประกันตัวหลานสาวของผู้อุทธรณ์ พฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์เป็นการใช้หนังสือรับรองเงินเดือนที่มีการปลอมลายมือชื่อผู้อื่นไปหาประโยชน์สำเร็จแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องรอผลการใช้ว่าเอกสารปลอมดังกล่าวสามารถใช้ประกันตัวได้หรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่ของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้ตรวจสอบพบว่าหนังสือรับรองเงินเดือนดังกล่าวไม่ใช่เอกสารที่แท้จริง จึงได้คืนหนังสือดังกล่าวแก่ผู้อุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์จึงต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันแทน

                   กรณีนี้ผู้อุทธรณ์เป็นข้าราชการรับราชการมานานพอสมควรย่อมทราบดีว่าสิ่งที่ผู้อุทธรณ์กระทำลงไปดังกล่าวผิดกฎหมายและผิดวินัยข้าราชการ การกระทำของผู้อุทธรณ์จึงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และมีมติคณะรัฐมนตรีให้ส่วนราชการและคณะกรรมการข้าราชการตามกฎหมายต่าง ๆ ถือปฏิบัติว่า ในกรณีข้าราชการกระทำผิดวินัยโดยปลอมลายมือชื่อของผู้อื่นไปหาประโยชน์ ให้ถือว่าเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและลงโทษอย่างน้อยปลดออกจากราชการ ดังนั้น คำสั่ลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น จึงวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์

                   กรณีนี้ทำให้เห็นว่า การใช้เอกสารปลอมที่มีการปลอมลายมือชื่อผู้อื่นไปหาประโยชน์เป็นความผิดสำเร็จแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องรอผลการใช้ว่าเอกสารปลอมดังกล่าวสามารถใช้แล้วเกิดผลหรือไม่ นะ..ขอบอก...