ภาพประกอบเนื้อหา
ข้อเตือนใจสำหรับข้าราชการผู้ไม่ประสงค์จะรับราชการเพื่อจะไม่ตกเป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัย ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการ
วันนี้ “ก.พ.ค. ขอบอก” มีประเด็นน่าสนใจเพื่อเตือนใจข้าราชการผู้ไม่ประสงค์จะเป็นข้าราชการอีกต่อไปแล้วมาบอกกันนะคะ
เรื่องนี้ผู้อุทธรณ์ขาดราชการติดต่อกันเกินกว่า 15 วันและไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีกเลย กระทั่งถูกผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ ฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควร ผู้อุทธรณ์จึงอุทธรณ์คำสั่งลงโทษมายัง ก.พ.ค. โดยอ้างว่าตนมีปัญหาสุขภาพแต่ไม่มีเงินไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล มีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรโดยลำพังเนื่องจากเลิกร้างกับสามี ทำให้บางครั้งไม่มีเงินไปทำงานและป่วยจึงขาดราชการบ่อย ผู้อุทธรณ์มีปัญหาต่าง ๆ มากมายทำให้เกิดความเครียดจนไม่อาจมาปฏิบัติราชการได้ ขอให้ ก.พ.ค. พิจารณาให้ความเป็นธรรมโดยนำประวัติการปฏิบัติราชการของผู้อุทธรณ์มาพิจารณาประกอบและลดโทษให้แก่ผู้อุทธรณ์ด้วย
ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำผิดฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควร นอกจากจะต้องเป็นการขาดราชการแล้ว การขาดราชการนั้นต้องเป็นการขาดราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควร ดังนั้นหากมีกรณีการเจ็บป่วยจนมีผลกระทบต่อการปฏิบัติราชการอาจถือว่าเป็นเหตุอันสมควรได้ ตามข้ออุทธรณ์จึงมีประเด็นว่าการขาดราชการดังกล่าวของผู้อุทธรณ์ถือว่า “มีเหตุอันสมควร” หรือไม่ เมื่อผู้อุทธรณ์ไม่มีหลักฐานใดยืนยันที่ชี้ให้เห็นว่าเจ็บป่วยจริง ประกอบกับเดิมผู้อุทธรณ์เคยมีหนังสือลาออกจากราชการเพื่อไปประกอบอาชีพอื่น แต่ต่อมามีหนังสือแจ้งว่าไม่ประสงค์จะลาออก ขอให้ระงับการลาออกไว้ก่อน ซึ่งในชั้นสืบสวนข้อเท็จจริงมีผู้ให้ถ้อยคำว่าผู้อุทธรณ์เดินทางไปประเทศนอร์เวย์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2557 เพื่อไปทำธุรกิจกับญาติ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้อุทธรณ์ไม่มาปฏิบัติราชการตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 จนถึงวันที่มีคำสั่งลงโทษ และไม่มีผู้ใดสามารถติดต่อผู้อุทธรณ์ได้ ก.พ.ค. เห็นว่าพฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์ถือว่าเป็นการขาดราชการโดยไม่มีเหตุอันสมควรอันเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุอันสมควรแล้ว
ส่วนระดับโทษ กรณีละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีกเลย ได้มีหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ นร 0205/ว 234 ลงวันที่24 ธันวาคม 2536 แจ้งเวียนมติคณะรัฐมนตรีซึ่งวางแนวทางการลงโทษผู้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงกรณีดังกล่าวว่า ระดับโทษที่สมควรเป็นไล่ออกจากราชการเท่านั้น การกล่าวอ้างประวัติและผลงานในอดีตมาเป็นเหตุอันควรลดหย่อนโทษยังไม่มีเหตุผลเพียงพอให้เปลี่ยนแปลงระดับโทษอันเป็นแนวทางที่กำหนดโดยนโยบายรัฐบาล จึงถือว่าระดับโทษเหมาะสมแก่กรณีความผิดแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น วินิจฉัยยกอุทธรณ์
จากกรณีตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่า เหตุผลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยจนไม่อาจมาปฏิบัติหน้าที่ราชการได้แม้จะสามารถยกขึ้นกล่าวอ้างเป็น “เหตุอันสมควร” ได้ แต่จะต้องมีพยานหลักฐานประกอบที่ชัดเจนและเพียงพอให้พิจารณาได้ความเช่นนั้น และหากละทิ้งหน้าที่ราชการไปแล้วไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีกเลยแม้ข้าราชการผู้นั้นจะมีประวัติการรับราชการที่ดีเพียงใดก็ไม่อาจนำมาพิจารณาเป็นเหตุลดหย่อนโทษในความผิดฐานนี้ได้ จึงฝากไว้สำหรับข้าราชการผู้ใดที่ไม่ประสงค์จะรับราชการแล้ว ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการลาออกจากราชการ เพื่อจะได้ไม่ต้องตกเป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัยและไม่ต้องเสียสิทธิประโยชน์บางประการอันตนพึงจะได้รับนะ ขอบอก....
วันที่