ภาพประกอบเนื้อหา

กรณีที่ต้องเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจพิจารณาเรื่องร้องทุกข์
เรื่องดำที่ 6120056 เรื่องแดงที่ 0066262
ผลการพิจารณา จำหน่ายออกจากสารบบ
กฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง
1. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
2. กฎ ก.พ.ค. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ พ.ศ. 2551
3. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2562
4. พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พ.ศ. 2562
ก.พ.ค. เป็นผู้มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ในกรณีที่เหตุแห่งทุกข์เกิดจากผู้บังคับบัญชาที่เป็นหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือต่อรัฐมนตรี หรือเกิดจากปลัดกระทรวง รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือนายกรัฐมนตรี แต่หากปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณา ฐานะของผู้บังคับบัญชาที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้เปลี่ยนจากหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมและอยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ไปเป็นตำแหน่งที่มีฐานะเทียบเท่าอธิบดี ผู้มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นปลัดกระทรวง ก.พ.ค. จึงมิใช่ผู้มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์อีกต่อไป
ข้อเท็จจริง
ผู้ร้องทุกข์ซึ่งเป็นข้าราชการสังกัดสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้ร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค. กรณีคับข้องใจในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ซึ่ง ก.พ.ค. พิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า เหตุแห่งการร้องทุกข์เรื่องนี้เกิดจากการปฏิบัติของเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ซึ่งเป็นหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมและอยู่ในบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา 46 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 46 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ก.พ.ค. จึงเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ ตามมาตรา 122 ประกอบมาตรา 123 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ต่อมา ในระหว่างการพิจารณาของ ก.พ.ค. ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ได้มีการประกาศใช้บังคับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และมีการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และเป็นส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และมีผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติซึ่งมีฐานะเทียบเท่าอธิบดี เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ
คำวินิจฉัย
ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ในขณะที่ผู้ร้องทุกข์ยื่นคำร้องทุกข์ ก.พ.ค. จะเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าว แต่ในระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาปรากฏว่าได้มีกฎหมายใหม่ใช้บังคับและมีผลทำให้ฐานะการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่เป็นเหตุแห่งการร้องทุกข์ได้เปลี่ยนไปเป็นผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติอันมีฐานะการดำรงตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดี จึงเป็นผลให้อำนาจพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์นี้เปลี่ยนไปเป็นอำนาจพิจารณาวินิจฉัยของปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 20 (3) ของกฎ ก.พ.ค. ว่าด้วยการร้องทุกข์และการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ พ.ศ. 2551 แม้ในกฎหมายที่ใช้บังคับใหม่จะไม่มีบทเฉพาะกาลกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินการกับเรื่องร้องทุกข์ที่อยู่ในระหว่างพิจารณาไว้ แต่เมื่อพิจารณาเจตนารมณ์ของการร้องทุกข์ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปดำเนินการแก้ไขความคับข้องใจของข้าราชการในหน่วยงานของตนอง ประกอบกับการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์ถือเป็นขั้นตอนวิธีสบัญญัติอันจะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะพิจารณา รวมทั้งแนวทางตัวอย่างที่ผ่านมาในการจัดตั้งองค์กรหรือหน่วยงานใหม่ตามกฎหมายอื่นในฐานะกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งที่ปรากฏว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจพิจารณา กฎหมายจะกำหนดให้โอนเรื่องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของผู้มีอำนาจพิจารณาเดิมไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาใหม่เพื่อเป็นผู้พิจารณาและดำเนินการต่อไป ดังนั้น เรื่องร้องทุกข์นี้จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาวินิจฉัยของ ก.พ.ค. ตามมาตรา 123 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ.ค. จึงวินิจฉัยให้จำหน่ายเรื่องร้องทุกข์เรื่องนี้ออกจากสารบบ ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ก.พ.ค. ได้ส่งเรื่องร้องทุกข์นี้ไปยังปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์เพื่อให้ดำเนินการต่อไป
วันที่