Skip to main content
x
 

นายผมสั่งให้ทำผิด

 
เรื่องดำที่  5810166  เรื่องแดงที่  0072162
ผลคำวินิจฉัย ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดดำเนินการเอง
 
                    ถ้าข้าราชการรายใดเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาจะทำให้เสียหายแก่ราชการหรือจะเป็นการไม่รักษาประโยชน์ของทางราชการจะต้องเสนอความเห็นเป็นหนังสือทันทีเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทบทวนคำสั่งนั้น การที่ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ผู้อุทธรณ์ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาทำการเบิกจ่ายเงินค่าวัสดุให้แก่ผู้ขาย ซึ่งผู้อุทธรณ์ทราบอยู่แล้วว่าการดำเนินการจัดซื้อวัสดุของผู้บังคับบัญชาไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยที่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้อุทธรณ์ได้ปฏิเสธหรือโต้แย้งเป็นหนังสือ ถือได้ว่ารู้เห็นเป็นใจร่วมมือกับผู้บังคับบัญชากระทำความผิด ผู้อุทธรณ์จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิด โดยอ้างว่าปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชารู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่มีเจตนาทุจริต
 

ข้อเท็จจริง

                    เมื่อครั้งผู้อุทธรณ์ปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ 5 เรือนจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานเงินทุนฝึกวิชาชีพ (เงินผลพลอยได้) หน่วยตรวจสอบภายในได้เข้าตรวจสอบบัญชีเงินผลพลอยได้ของเรือนจำจังหวัดดังกล่าวแล้วพบว่าได้มีการปลอมใบเสร็จรับเงินและนำใบเสร็จรับเงินที่มีรายการจัดซื้อวัสดุที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังมาเป็นหลักฐานเบิกจ่ายเงินจากเงินผลพลอยได้
                    อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงผู้อุทธรณ์ ผลการสอบสวนฟังได้ว่า ผู้บัญชาการเรือนจำได้สั่งการให้ผู้อุทธรณ์จัดซื้อวัสดุหรือวัตถุดิบในการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และเบิกจ่ายเงินผลพลอยได้ของเรือนจำให้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่งเพื่อชำระค่าสินค้าที่ผู้บัญชาการเรือนจำสั่งซื้อมาใช้ส่วนตัว ได้แก่ เครื่องทำน้ำร้อน อ่างล้างมือ อ่างอาบน้ำ ฝักบัว เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการฝึกวิชาชีพของผู้ต้องขัง ในที่สุดได้มีคำสั่งลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์และผู้บัญชาการเรือนจำออกจากราชการ ตามมติ อ.ก.พ. กรมราชทัณฑ์ กรณีร่วมกันสั่งซื้อสิ้นค้าที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขังและนำมาเบิกเงินผลพลอยได้ของเรือนจำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ผู้อุทธรณ์จึงอุทธรณ์คำสั่งลงโทษดังกล่าวต่อ ก.พ.ค.
 

คำวินิจฉัย

                    ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้อุทธรณ์ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้างานเงินทุนฝึกวิชาชีพ (เงินผลพลอยได้) มีหน้าที่เกี่ยวกับการพัสดุ การเงินและบัญชี รายรับรายจ่ายเงินผลพลอยได้ ได้ทำการเบิกจ่ายเงินผลพลอยได้ของเรือนจำเพื่อชำระหนี้ให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ทั้งที่รู้ว่ามีรายการวัสดุที่สั่งซื้อซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง และเป็นการจัดซื้อที่ไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 เป็นการรู้เห็นเป็นใจร่วมมือกับผู้บังคับบัญชากระทำการทุจริต
                    ส่วนประเด็นที่ผู้อุทธรณ์ได้โต้แย้งว่าผู้อุทธรณ์เป็นเพียงข้าราชการผู้น้อย รู้เท่าไม่ถึงการณ์และได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา นั้น เห็นว่า หากผู้อุทธรณ์ไม่มีเจตนาที่จะกระทำความผิดจริงหรือร่วมกระทำความผิดและเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง ผู้อุทธรณ์ก็สามารถปฏิเสธหรือเสนอความเห็นเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อให้ทบทวนคำสั่งนั้นได้ แต่จากข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าผู้อุทธรณ์ได้ปฏิเสธหรือมีหนังสือทักท้วงการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาแต่อย่างใด อีกทั้งได้กระทำไปทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดได้ พฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์จึงเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงและฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคหนึ่ง และมาตรา 98 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ก.พ.ค. จึงมีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์

 

วันที่