Skip to main content
x

 

ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกอาจถูกลงโทษทางวินัยอีกได้

 

เรื่องดำที่  6110071  เรื่องแดงที่  0103161
ผลคำวินิจฉัย ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดดำเนินการเอง
 
          การที่ผู้อุทธรณ์ถูกลงโทษทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ในพฤติการณ์ที่ได้ปลอมและใช้เอกสารปลอมไปแล้ว และต่อมาผู้อุทธรณ์ถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในพฤติการณ์ความผิดเดียวกันนั้น ผู้บังคับบัญชายังคงมีอำนาจในการลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงโดยไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ ฐานกระทำผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดได้ ไม่ถือว่าเป็นการดำเนินการทางวินัยซ้ำ เพราะความผิดทางวินัยที่ผู้อุทธรณ์ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการเป็นความผิดคนละฐานกับความผิดที่ผู้อุทธรณ์ถูกดำเนินการทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงและถูกลงโทษไปก่อนแล้ว

 

ข้อเท็จจริง
          ขณะผู้อุทธรณ์ดำรงตำแหน่งนักทัณฑวิทยาชำนาญการ เรือนจำอำเภอแห่งหนึ่ง ผู้อุทธรณ์ได้แก้ไขตัวเลขและตัวอักษรที่ปรากฏในเอกสารรับรองเงินเดือนและสลิปเงินเดือนของผู้อุทธรณ์ ทั้งปลอมลายมือชื่อผู้ที่มีอำนาจลงนามในเอกสารทั้งสอง เพื่อนำเอกสารดังกล่าวไปใช้เป็นหลักประกันในการประกันตัวชั่วคราวผู้ต้องหาคดีพยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยในกรณีดังกล่าวและมีคำสั่งลงโทษวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ตัดเงินเดือนผู้อุทธรณ์ร้อยละ 4 เป็นเวลา 2 เดือน โดยผู้อุทธรณ์มิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด
          ต่อมาศาลจังหวัด ได้มีคำพิพากษาจำคุกผู้อุทธรณ์ 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษ ในความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ตามมาตรา 264 มาตรา 265 และมาตรา 268 วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายอาญา ในพฤติการณ์การปลอมเอกสารทั้งสองฉบับข้างต้น โดยศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น จนในที่สุด ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ ฐานกระทำผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุก หรือโทษที่หนักกว่าโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหรือให้รับโทษที่หนักกว่าโทษจำคุก ตามมาตรา 85 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ผู้อุทธรณ์จึงอุทธรณ์คำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการต่อ ก.พ.ค. โดยอ้างว่าการลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากเป็นการลงโทษซ้ำกับกรณีที่ผู้อุทธรณ์กระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงและถูกลงโทษไปแล้ว
 
คำวินิจฉัย
           ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้อุทธรณ์กระทำความผิดอาญาฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมจนได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก นั้น เป็นกรณีที่ต้องด้วยองค์ประกอบการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 85 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 แม้ข้อเท็จจริงจะปรากฏว่าผู้อุทธรณ์เคยถูกลงโทษทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงในกรณีความผิดที่ได้ปลอมและใช้เอกสารปลอมดังกล่าวมาก่อนแล้วก็ตาม แต่ผู้บังคับบัญชาก็สามารถลงโทษทางวินัยโดยไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ ฐานกระทำผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดได้อีก และไม่ถือเป็นการลงโทษทางวินัยซ้ำแต่อย่างใด เพราะความผิดทางวินัยที่ผู้อุทธรณ์ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการนั้นเป็นความผิดคนละฐานกับความผิดที่ผู้อุทธรณ์ถูกดำเนินการทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงและถูกลงโทษไปก่อนแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น จึงมีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์

 

วันที่