Skip to main content
x

 

ทรัพย์สินของทางราชการแม้จะเสื่อมสภาพถ้าลักไปก็เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง

 

เรื่องดำที่   6010181  เรื่องแดงที่  0044161
ผลคำวินิจฉัย  ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย  ต้นสังกัดดำเนินการเอง

 

               การพิจารณาว่าการกระทำใดเป็นการกระทำอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงจะต้องพิจารณาถึงเกียรติของข้าราชการผู้นั้น และความรู้สึกของสังคมที่มีต่อการกระทำของผู้นั้นประกอบกับเจตนาในการกระทำโดยคำนึงถึงพฤติการณ์ของข้าราชการผู้นั้นว่าได้กระทำการอันทำให้ราชการได้รับความเสียหายต่อภาพพจน์ชื่อเสียงหรือไม่ การที่ผู้อุทธรณ์นำทรัพย์สินของราชการไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แม้ทรัพย์สินดังกล่าวจะเสื่อมสภาพหรือปลดระวางแล้ว พฤติการณ์ก็ยังคงเป็นความผิดฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551

 

ข้อเท็จจริง

               ผู้อุทธรณ์ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการจัดทำ 5 ส. ภายในสำนักงาน ซึ่งผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ทำลายเอกสารหลักฐานที่ไม่ใช้ และเก็บรวบรวมครุภัณฑ์ที่เสื่อมสภาพเพื่อปลดระวาง แต่ปรากฏว่าผู้อุทธรณ์ได้นำครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่อง จอคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 จอ และแป้นพิมพ์ จำนวน 2 ชุด เสื้อยืดโปโล ออกไปจากบริเวณสำนักงานโดยมิได้รับมอบหมายหรือได้รับอนุญาตจากผู้ใด ซึ่งต่อมาผู้อุทธรณ์ได้ยอมรับกับผู้บังคับบัญชาว่าได้นำครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบไปจริง โดยอ้างว่าคอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าวมีข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับการรักษามารดาที่สำคัญและยังไม่ได้โอนย้ายไปไว้ในเครื่องใหม่ จากนั้นผู้อุทธรณ์จึงได้ทยอยนำทรัพย์สินบางส่วนมาคืน
               ต่อมาเมื่อผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงแก่ผู้อุทธรณ์ ที่สุดผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามมาตรา 85 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ผู้อุทธรณ์จึงอุทธรณ์คำสั่งลงโทษดังกล่าวต่อ ก.พ.ค. โดยอ้างว่าครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์มีอายุการใช้งานกว่า 15 ปีแล้ว และมีข้อมูลการรักษาอาการป่วยของมารดาผู้อุทธรณ์

 

คำวินิจฉัย

               ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์ได้รับราชการมาเป็นเวลานานย่อมทราบว่าต้องปฏิบัติราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และรักษาประโยชน์ของทางราชการ การนำทรัพย์สินของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่ชอบด้วยระเบียบของทางราชการ หรือไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาไม่อาจกระทำได้ อีกทั้งวิธีการนำทรัพย์สินดังกล่าวออกไปมีลักษณะปกปิดมิดชิดจึงเป็นกรณีที่มีการไตร่ตรองไว้ก่อนจะกระทำการขนทรัพย์สินไป และเมื่อทราบว่าผู้บังคับบัญชาได้ตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วพบว่าผู้อุทธรณ์นำทรัพย์สินของทางราชการไปโดยมิชอบ จึงได้ยอมรับต่อผู้บังคับบัญชาเพราะจำนนต่อหลักฐาน และนำทรัพย์สินกลับมาคืน ทั้งนี้ หากผู้อุทธรณ์มีเจตนาสุจริต ผู้อุทธรณ์สามารถขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาก่อนที่จะนำทรัพย์สินของทางราชการออกไป อีกทั้งผู้อุทธรณ์มีความรู้ในการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในระดับดีพอสมควรเนื่องจากต้องใช้ในการปฏิบัติงาน จึงย่อมทราบความรู้พื้นฐานในการถ่ายข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ว่าสามารถใช้ Thumb Drive ที่มีขนาดเล็กเป็นอุปกรณ์ถ่ายข้อมูลได้อย่างง่าย ๆ หรืออาจถ่ายข้อมูลบรรจุลงในซีดี หรือกรณีจำเป็นก็อาจสอบถามจากเจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีได้ ดังนั้น การที่ผู้อุทธรณ์นำคอมพิวเตอร์ จอคอมพิวเตอร์ และแป้นพิมพ์ จำนวน 2 ชุดที่เตรียมส่งให้พัสดุตัดจำหน่ายเนื่องจากใช้งานมานาน และทรัพย์สินอื่น ๆ ของทางราชการไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว การกระทำของผู้อุทธรณ์แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาชั่วอันเป็นการเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการและเป็นการกระทำที่สังคมรังเกียจอย่างยิ่ง การกระทำของผู้อุทธรณ์จึงเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 การที่ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการจึงถูกต้องเหมาะสมแก่กรณีแล้ว จึงมีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์

 

วันที่