Skip to main content
x

ทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ ก็ผิดฐานทุจริต

 
เรื่องดำที่     5910140      เรื่องแดงที่    0062161
ผลคำวินิจฉัย    ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย    ต้นสังกัดดำเนินการเอง
 
               คำว่า ประโยชน์ หมายถึง สิ่งที่เป็นผลดี หรือเป็นคุณ หรือผลที่ได้ตามต้องการ ซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินเงินทอง หรือสิ่งที่ไม่ใช่ทรัพย์สินก็ได้ การที่ผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ควบคุมนักโทษออกไปทำงานสาธารณะภายนอกเรือนจำ กลับใช้ตำแหน่งหน้าที่พานักโทษออกไปจากเรือนจำโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่ได้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นใด แม้พยานหลักฐานจะยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้อุทธรณ์ได้รับประโยชน์ที่เป็นทรัพย์สินเงินทองตอบแทนจากการกระทำดังกล่าว แต่ก็ทำให้นักโทษได้พบกับภรรยาและบุตรสาว ทั้งยังอาศัยโอกาสหลบหนีจากการควบคุมไปได้สำเร็จ พฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
 

ข้อเท็จจริง

               ผู้อุทธรณ์เดิมรับราชการตำแหน่งนักทัณฑวิทยาชำนาญการ สังกัดเรือนจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่รับและควบคุมผู้ต้องขังจ่ายนอกออกทำงานนอกเรือนจำประจำห้องเยี่ยมญาติภายนอกเรือนจำ ได้รับตัว น.ช.แดง กับพวก รวม 5 คน เพื่อออกไปทำความสะอาดบริเวณห้องเยี่ยมและอาคารเยี่ยมญาตินอกเรือนจำ ต่อมา ผู้อุทธรณ์ได้พาตัว น.ช.แดง ขึ้นรถกระบะส่วนตัวของผู้อุทธรณ์ ขับออกไปจากเรือนจำมุ่งหน้าไปอีกอำเภอหนึ่งในจังหวัดเดียวกัน ซึ่งมีระยะทางห่างจากเรือนจำหลายกิโลเมตร ไปถึงบ้านพักส่วนตัวของ น.ช.แดง ซึ่งมีภรรยาและบุตรสาวของ น.ช.แดง รออยู่ที่บ้านพัก จากนั้น น.ช.แดง ได้ขับรถยนต์ออกไปจากบ้านพัก โดยผู้อุทธรณ์รออยู่ที่บ้านและไม่ได้ติดตามไปควบคุม ทำให้ น.ช.แดง หลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดติดตามสามารถจับกุมตัวได้ในหลายวันต่อมา และนำตัวเข้าคุมขังยังเรือนจำ
               ผู้บัญชาการเรือนจำได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมีความเห็นว่า การกระทำของผู้อุทธรณ์ ซึ่งมีหน้าที่รับและควบคุมผู้ต้องขังจ่ายนอกออกทำงานนอกเรือนจำประจำห้องเยี่ยมญาติ แต่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เคร่งครัดตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ และระเบียบแบบแผนของเรือนจำ นำ น.ช.แดง ออกนอกเขตสถานที่ทำงานจ่ายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตจนเป็นเหตุให้ น.ช.แดง หลบหนีไป แต่สามารถติดตามจับกุมได้ในเวลาต่อมา เป็นการกระทำผิดวินัย ตามมาตรา 7 วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติวินัยข้าราชการกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2482 เห็นสมควรลงโทษทางวินัยแก่ผู้อุทธรณ์ โดยการเพิ่มเวรยาม จำนวน 15 วัน ผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณาแล้วมีคำสั่งลงโทษเพิ่มเวรยามผู้อุทธรณ์ มีกำหนด 15 วัน และรายงานกรมราชทัณฑ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์พิจารณาแล้วจึงสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง
               ผลการสอบสวน คณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า ผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ในการควบคุมผู้ต้องขังที่ออกทำงานภายนอกเรือนจำที่บริเวณห้องเยี่ยมญาติเพื่อไม่ให้หลบหนีไปจากการควบคุม แต่กลับพาตัวผู้ต้องขังดังกล่าวไปที่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีการเรียกรับประโยชน์ตอบแทนในการดำเนินการดังกล่าว จึงทำให้ผู้ต้องขังได้ไปพบญาติที่บ้าน เป็นประโยชน์ให้กับผู้ต้องขัง และผู้อุทธรณ์ยังปล่อยปละละเลยให้ผู้ต้องขังขับรถยนต์ส่วนตัวของผู้ต้องขังออกไปจากความควบคุมของผู้อุทธรณ์ จนเป็นเหตุให้ผู้ต้องขังหลบหนีจากการควบคุมได้สำเร็จ แม้ภายหลังจะได้ตัวผู้ต้องขังดังกล่าวกลับมาคุมขังที่เรือนจำ แต่ก็มิได้เกิดจากการติดตามจับกุมได้โดยผู้อุทธรณ์ การกระทำของผู้อุทธรณ์เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (1) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ควรลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ โดยมติ อ.ก.พ. กรมราชทัณฑ์ ได้สั่งลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ ผู้อุทธรณ์จึงได้อุทธรณ์คำสั่งลงโทษดังกล่าวต่อ ก.พ.ค.
 

คำวินิจฉัย

               ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ควบคุม น.ช.แดง ออกไปทำงานสาธารณะภายนอกเรือนจำ กลับใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนพาตัว น.ช.แดง นั่งรถยนต์ส่วนตัวของตนขับออกไปจากเรือนจำโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุจำเป็นหรือเหตุสมควรอื่นใด ทั้งไม่ได้ปฏิบัติตามกฎและระเบียบของทางราชการที่ถูกต้อง แล้วขับไปที่บ้านพักส่วนตัวของ น.ช.แดง ทำให้ น.ช.แดง ได้กลับมาบ้านและได้พบปะพูดคุยกับภรรยาและบุตรสาว ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ น.ช.แดง และยังปล่อยให้ น.ช.แดง ขับรถยนต์ออกไปจากบ้านพักและพ้นจากการควบคุมของผู้อุทธรณ์ โดยผู้อุทธรณ์ไม่ได้ทักท้วง ห้ามปราม สกัดกั้น หรือติดตามไปควบคุม ทำให้ น.ช.แดง เห็นเป็นช่องทางและโอกาสที่จะหลบหนีและสามารถหลบหนีจากการควบคุมไปได้สำเร็จ แม้พยานหลักฐานจะยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้อุทธรณ์ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการกระทำดังกล่าว พฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับผู้อื่น จึงเป็นความวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (1) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น ก.พ.ค. จึงมีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์

 

วันที่