Skip to main content
x

 

เป็นหน้าที่ของหัวหน้า....

 

เรื่องดำที่  5910102 เรื่องแดงที่  0061161
ผลคำวินิจฉัย ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดดำเนินการเอง
 
         ผู้อุทธรณ์ในฐานะผู้อำนวยการกลุ่มงาน มีหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในกลุ่มงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อผู้อุทธรณ์ไม่ได้ควบคุมตรวจสอบการสำรวจรังวัดของเจ้าหน้าที่ในกลุ่มงาน ส่งผลให้มีการรังวัดที่ดินไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ พฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์จึงเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง
 
ข้อเท็จจริง
        ขณะที่ผู้อุทธรณ์ดำรงตำแหน่งนายช่างสำรวจอาวุโส สำนักงานการปฏิรูปที่ดินแห่งหนึ่งผู้อุทธรณ์ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มงานช่างและแผนที่ โดยมีหน้าที่ประการหนึ่งคือควบคุมดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในกลุ่มงานฯ ต่อมาปรากฏว่า นาง ล.มายื่นคำขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน ต่อสำนักงานฯ โดยที่ดินแปลงดังกล่าวมีความลาดชันสูง พื้นที่เป็นหินลูกรังปนดิน ไม่เหมาะแก่การทำเกษตร แต่นาง ล. ระบุสภาพการทำประโยชน์ว่าเป็นที่เลี้ยงสัตว์ นาย อ. ช่างรังวัดและเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อุทธรณ์ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้นำทำการรังวัด ซึ่งต่อมานาย อ. ได้ลงนามในบันทึกการรังวัด (ส.ป.ก./ส.ร.1 ข) และแผนที่แปลงที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรม (ส.ป.ก./ส.ร. 5 ข.) และนำบันทึกทั้งหมดเสนอต่อคณะอนุกรรมการปฏิรูปที่ดินระดับอำเภอ โดยไม่เสนอผ่านผู้อุทธรณ์ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มงานฯ และต่อมาคณะอนุกรรมการปฏิรูปที่ดินระดับอำเภอได้พิจารณาอนุมัติให้นาง ล. เข้าทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว โดยที่ผู้อุทธรณ์มิได้เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมการ ฯ ในครั้งดังกล่าวแต่อย่างใด จนในที่สุดคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินระดับจังหวัดได้พิจารณาอนุญาตให้นาง ล. เข้าทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวและ นาย อ. ช่างรังวัด ได้ดำเนินการจัดทำหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ตามแบบ ส.ป.ก. 4-01 และเสนอต่อผู้อุทธรณ์ และผู้อุทธรณ์ได้ตรวจสอบความถูกต้องโดยเทียบกับแผนที่แปลงที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรม (ส.ป.ก./ส.ร. 5 ข.)  และลงนามในหนังสืออนุญาตดังกล่าวและนำเสนอต่อปฏิรูปที่ดินจังหวัด ที่สุดคู่กรณีในอุทธรณ์ได้มีคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือนผู้อุทธรณ์ร้อยละ 4 เป็นเวลา 1 เดือน ผู้อุทธรณ์จึงอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อ ก.พ.ค.
 
คำวินิจฉัย
        ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ว่าผู้อุทธรณ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำบันทึกการรังวัด (ส.ป.ก./ส.ร.1 ข) และแผนที่แปลงที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรม (ส.ป.ก./ส.ร. 5 ข.) ที่เสนอต่อคณะอนุกรรมการปฏิรูปที่ดินระดับอำเภอ เนื่องจากนาย อ. เสนอเรื่องโดยไม่ผ่านผู้อุทธรณ์ แต่ในขั้นตอนการจัดทำหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ตามแบบ ส.ป.ก. 4-01 ผู้อุทธรณ์ได้พิจารณาตรวจร่างแบบ ส.ป.ก. 4-01 ที่นาย อ. เสนอ ซึ่งผู้อุทธรณ์ตรวจสอบโดยพิจารณาจากบันทึกการรังวัด(ส.ป.ก./ส.ร.1 ข) และแผนที่แปลงที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรม (ส.ป.ก./ส.ร. 5 ข.) จึงถือว่าผู้อุทธรณ์ได้ตรวจสอบเอกสารที่นาย อ. เสนอไปโดยไม่ผ่านผู้อุทธรณ์ในตอนแรกแล้ว ดังนั้น ผู้อุทธรณ์จึงไม่อาจอ้างว่านาย อ. เสนอเรื่องโดยไม่ผ่านตนได้ และในฐานะที่ผู้อุทธรณ์เป็นหัวหน้ากลุ่มงานช่างและแผนที่ผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ตามคำสั่งสำนักงานปฏิรูปที่ดินในการควบคุม ดูแล และกำกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในกลุ่มฯ การที่ผู้อุทธรณ์ไม่ได้ตรวจสอบหรือวิเคราะห์ความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ทั้งจากสภาพความเป็นจริงประกอบกับแผนที่ต้นฉบับหรือระวางแผนที่ที่จะต้องคำนึงถึงสภาพป่าและความลาดชันให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยตามหลักวิชา วัตถุประสงค์และนโยบายที่กำหนด ก่อนออก ส.ป.ก. 4-01 จึงถือได้ว่าผู้อุทธรณ์ในฐานะผู้อำนวยการกลุ่มงานช่างและแผนที่ได้ละเลยต่อหน้าที่ไม่ทำการตรวจสอบการสำรวจรังวัดให้เป็นไปตามหน้าที่ความรับผิดชอบ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าว ถือเป็นการกระทำผิดวินัย ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบมติคณะรัฐมนตรี หรือระเบียบแบบแผนของทางราชการ และยังเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความตั้งใจอุตสาหะ เอาใจใส่และรักษาประโยชน์ของทางราชการอันเป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) และ (3) ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ.ค. จึงมีคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์
 
วันที่