Skip to main content
x

 

ผลของการเป็นบุคคลล้มละลาย

 

เรื่องดำที่  5910161 เรื่องแดงที่ 0038161  
ผลคำวินิจฉัย  ฟังขึ้น
การดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดดำเนินการเอง
 
            กรณีศาลพิพากษาให้ข้าราชการพลเรือนสามัญเป็นบุคคลล้มละลาย ย่อมถือว่าข้าราชการผู้นั้นเป็นผู้ที่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 36 ข (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ซึ่งผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 มีหน้าที่ต้องสั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันที่กำหนดในคำสั่ง ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่ออกคำสั่ง
 

ข้อเท็จจริง

            ผู้อุทธรณ์เดิมรับราชการตำแหน่งเจ้าพนักงานเคหกิจเกษตรชำนาญงาน สังกัดสำนักงานเกษตรอำเภอในจังหวัดแห่งหนึ่ง ในราชการบริหารส่วนภูมิภาค เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2559 เกษตรจังหวัดได้รับหนังสือจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แจ้งว่าศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของผู้อุทธรณ์ ไว้เด็ดขาดเมื่อ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2556 ต่อมาพิพากษาให้ผู้อุทธรณ์ล้มละลาย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2557 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงขออายัดเงินเดือนและเงินอื่นใดในทำนองเดียวกันซึ่งผู้อุทธรณ์มีสิทธิได้รับจากสำนักงานเกษตรจังหวัด และให้ส่งมอบเงินดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  
            ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง ได้ออกคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ กรณีมีลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญในเหตุล้มละลาย โดยให้คำสั่งมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่ศาลพิพากษาให้ผู้อุทธรณ์เป็นบุคคลล้มละลาย  ผู้อุทธรณ์จึงได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อ ก.พ.ค.
 

คำวินิจฉัย

            ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องนี้ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาศาลล้มละลายกลาง ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2557  ว่าศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้ผู้อุทธรณ์ล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483  กรณีจึงฟังได้อย่างชัดเจนว่าผู้อุทธรณ์เป็นบุคคลล้มละลายจริง ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2557  มีผลให้ผู้อุทธรณ์เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญที่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 36 ข (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 นับตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2557 เป็นต้นไป อันมีเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 มีหน้าที่ต้องสั่งให้ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการโดยพลัน ตามมาตรา 67 ประกอบมาตรา 110 (3) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑  การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ออกคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการในกรณีดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว อย่างไรก็ตามการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่ศาลล้มละลายกลางพิพากษาให้ผู้อุทธรณ์ล้มละลาย ก.พ.ค. พิจารณาแล้วมีมติว่า เป็นการออกคำสั่งที่ขัดต่อระเบียบ ก.พ. ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ. 2554 ข้อ 3 ที่กำหนดให้การสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 59  มาตรา 67  มาตรา 110  หรือมาตรา 111 ถ้ามิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในระเบียบนี้ ให้สั่งให้ออกจากราชการได้ตั้งแต่วันที่กำหนดในคำสั่ง ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่ออกคำสั่ง ฯลฯ  คำสั่งดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ฟังขึ้น ก.พ.ค. จึงมีคำวินิจฉัยให้แก้ไขคำสั่งโดยให้แก้ไขวันออกจากราชการ จากเดิมวันที่ 13 ตุลาคม 2557 เป็นวันที่ 8 กันยายน 2559  ซึ่งเป็นวันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดออกคำสั่งให้ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ
 
 
วันที่