Skip to main content
x

               

เอาครุภัณฑ์เสื่อมสภาพกลับบ้านก็มีความผิด!!!

 

                  “ก.พ.ค. ขอบอก” ครั้งนี้ขอเล่าถึงเรื่องใกล้ตัวกันบ้าง เป็นกรณีที่ข้าราชการผู้หนึ่งนำครุภัณฑ์ของสำนักงานที่เสื่อมสภาพแล้ว และทรัพย์สินอื่นๆ กลับไปที่บ้าน การกระทำเช่นนี้จะเป็นความผิดหรือไม่ เรื่องนี้จะเป็นเช่นไร ลองมาติดตามอ่านกัน
                   นางสาว ร. เจ้าพนักงานธุรการ ระดับชำนาญการ สังกัดหน่วยงานแห่งหนึ่ง ถูกลงโทษปลดออกจากราชการ ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กรณีพาบุคคลภายนอกเข้ามาขนครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์และทรัพย์สินอื่นของทางราชการออกไปจากสำนักงานในวันหยุดราชการ โดยไม่ได้รับอนุญาต
                   นางสาว ร. ได้มายื่นอุทธรณ์คำสั่งลงโทษเรื่องนี้ ต่อ ก.พ.ค. โดยอ้างว่าตนได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ให้จัดทำ 5 ส. โดยให้ทำลายเอกสารที่ไม่ใช้ รวมทั้งสำรวจครุภัณฑ์ที่เสื่อมสภาพเพื่อปลดระวางและนำส่งพัสดุตัดเป็นครุภัณฑ์เสื่อมสภาพต่อไป ซึ่งบางครั้งก็ต้องมีการเข้าไปที่สำนักงานในวันหยุดเพื่อดำเนินการดังกล่าว ในวันเกิดเหตุซึ่งเป็นวันเสาร์ ตนและหลานสาว ได้เข้าไปทำ 5 ส. พร้อมกับข้าราชการและลูกจ้างคนอื่นๆ โดยเหตุที่ตนนำครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความครอบครองที่มีอายุการใช้งาน 15 ปี พร้อมจอและแป้นพิมพ์ ออกนอกสำนักงานนั้น ก็เนื่องจากในเครื่องคอมพิวเตอร์มีข้อมูลส่วนตัวของตนอยู่ เช่น ข้อมูลการรักษาอาการป่วยของมารดาจนกระทั่งมารดาเสียชีวิต ข้อมูลสำคัญอื่นๆ ตนจึงเพียงอยากเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้ เพราะถ้าครุภัณฑ์ถูกตัดเป็นครุภัณฑ์เสื่อมสภาพ ตนจะไม่สามารถนำข้อมูลมาเก็บไว้ได้ ตนไม่มีเจตนาที่จะนำเครื่องคอมพิวเตอร์ออกไปโดยไม่ขออนุญาตแต่อย่างใด
                   ก.พ.ค. พิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์รับราชการมาเป็นเวลา 26 ปี ย่อมต้องทราบระเบียบของทางราชการในเรื่องของการนำทรัพย์สินของทางราชการออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต การที่ผู้อุทธรณ์นำเครื่องคอมพิวเตอร์ (CPU) จอคอมพิวเตอร์และแป้นพิมพ์ (คีย์บอร์ด) จำนวนสองเครื่อง ออกนอกสำนักงาน ด้วยวิธีการในลักษณะปกปิด มิดชิด ผู้พบเห็นไม่อาจทราบได้ว่าเป็นสิ่งใด ถือเป็นกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไตร่ตรองไว้ก่อนแล้วว่าจะขนทรัพย์สินดังกล่าวออกนอกสำนักงาน การที่ต่อมาผู้อุทธรณ์นำทรัพย์สินดังกล่าวไปคืนภายหลังจากที่ผู้บังคับบัญชาตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ผู้อุทธรณ์ขนทรัพย์สินของทางราชการออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แสดงให้เห็นว่าผู้อุทธรณ์มีเจตนาจะนำทรัพย์สินของสำนักงานดังกล่าวออกไปโดยมิชอบ นอกจากนี้หากผู้อุทธรณ์มีเจตนาจะถ่ายข้อมูลส่วนตัวของตนออกจากคอมพิวเตอร์ดังกล่าว โดยอ้างว่าจะใช้คอมพิวเตอร์จำนวนสองเครื่องนั้นเป็นอุปกรณ์ในการดำเนินการถ่ายข้อมูล ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้อุทธรณ์มีความรู้พื้นฐานในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้อุทธรณ์สามารถใช้ Thumb Drive  เป็นอุปกรณ์ถ่ายข้อมูลก็ได้หรืออาจสำเนาลงในแผ่นซีดี (CD) ก็ได้  หรืออาจสอบถามหรือขอความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีของสำนักงานก็ได้  และในทางปฏิบัติเมื่อมีการเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ใหม่แทนเครื่องเดิม  เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องย่อมสอบถามและมีการถ่ายโอนข้อมูลในเครื่องเดิมออกมาอยู่แล้ว พฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์แสดงให้เห็นถึงเจตนาโดยไตร่ตรองที่จะนำทรัพย์สินของทางราชการเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ดังนั้นคำสั่งลงโทษปลดนางสาว ร. ออกจากราชการ ในกรณีดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
                    เรื่องนี้ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าการที่จะนำทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของตนเอง โดยเฉพาะของทางราชการออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น แม้ทรัพย์สินดังกล่าวทางราชการจะไม่ใช้แล้วก็ตาม ก็อาจเป็นความผิดวินัยได้นะ..ขอบอก...

ผู้เขียน : จุฑาพิชญ์  สถิรวิสาลกิจ

ประเภทเนื้อหา
วันที่