Skip to main content
x

 

แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาโดยไม่ถูกต้อง

 

เรื่องดำที่  5710216.  เรื่องแดงที่  0004161
ผลคำวินิจฉัย  ยกเลิกคำสั่งและให้ดำเนินการใหม่ 
การดำเนินการทางวินัย  ต้นสังกัดดำเนินการเอง   
 
ข้อเท็จจริง
                        อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับเรื่องร้องเรียนว่า ผู้อุทธรณ์ซึ่งมีภรรยาอยู่แล้วแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน  ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวถึงขั้นมีความสัมพันธ์ทางเพศกับนางสาว ก. ผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นพนักงานราชการที่มีสามีอยู่แล้วแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน  โดยต่างฝ่ายต่างทราบดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมีครอบครัวและบุตรอยู่แล้ว  จึงได้มีคำสั่งมอบหมายให้กองการเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงแก่ผู้อุทธรณ์เพื่อสอบสวนในเรื่องดังกล่าว  คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้ผู้อุทธรณ์ทราบ โดยทำเป็นบันทึกตามแบบ สว.3 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2556 โดยในข้อ 2 สรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา ระบุว่า  2.1 รายงานการสอบข้อเท็จจริง  2.2 รายงานการสอบสวนความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง  2.3 มติ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย  2.4 พยานบุคคล จำนวน 2 คน  โดยไม่ได้สรุปหรือมอบสำเนาพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาทั้งสี่รายการให้ผู้อุทธรณ์  เพียงแต่นำพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหารายการที่ 2.1, 2.2 และ 2.3 ให้ผู้อุทธรณ์อ่านแล้วให้ผู้อุทธรณ์จดรายละเอียดที่ต้องการไป  ส่วนพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา รายการที่ 2.4 เพียงแต่แจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบชื่อของพยานทั้ง 2 คนเท่านั้น  ซึ่งผู้อุทธรณ์ได้มีหนังสือลงวันที่ 5 กันยายน 2556 ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา  หลังจากนั้นคณะกรรมการสอบสวนได้สอบปากคำนาย ข หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2556 และได้จัดทำรายงานการสอบสวนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2556 โดยนำถ้อยคำของนาย ค นางสาว ง นางสาว จ  และนาย ข  มาใช้ในการพิจารณา และมีความเห็นว่าพฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์เป็นความผิดฐานไม่รักษาชื่อเสียงของตนและไม่รักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 98 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551  เห็นควรลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ  อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย  จึงได้นำเสนอ อ.ก.พ. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  ซึ่ง อ.ก.พ. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย  อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้มีคำสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ
 
คำวินิจฉัย
                        ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า  คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงไม่ได้สรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาที่ได้มาเพิ่มเติมให้ผู้อุทธรณ์ทราบ และไม่ให้โอกาสผู้อุทธรณ์ที่จะให้ถ้อยคำหรือนำสืบแก้เฉพาะพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่สนับสนุนข้อกล่าวหานั้น ตามที่กำหนดในมาตรา 93 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และข้อ 16 ของกฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา  และโดยที่การสรุปพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ และการรับฟังคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหา เป็นหลักการที่บัญญัติในมาตรา 93 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงต้องดำเนินการ  โดยมี กฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา ข้อ 15 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และข้อ 16 กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในเรื่องดังกล่าวไว้  ซึ่งเท่ากับเป็นการฟังความทั้งฝ่ายกล่าวหาและฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาเพื่อจะทำให้ได้ความจริงและความยุติธรรม  ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของการสอบสวนและถือเป็นขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญ  การที่คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงไม่ดำเนินการตามที่กำหนดในกฎหมายดังกล่าว จึงทำให้การสอบสวนผู้อุทธรณ์กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  
                        ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ปรากฏว่า หลังจากที่คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงได้รายงานการสอบสวนต่ออธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยว่าเห็นควรลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เห็นชอบด้วยจึงได้นำเสนอต่อ อ.ก.พ. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  ซึ่ง อ.ก.พ. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วย  จนกระทั่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้มีคำสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ  จึงเป็นกรณีที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ อ.ก.พ. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการตามมาตรา 97 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 โดยนำผลการสอบสวนอันเกิดจากการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการพิจารณา  การดำเนินการดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เมื่อการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงแก่ผู้อุทธรณ์ การพิจารณามีมติและการสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  การดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่ผู้อุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ดังนั้น การที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีคำสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย  อุทธรณ์ฟังขึ้น  ก.พ.ค. จึงมีคำวินิจฉัยยกเลิกคำสั่งลงโทษดังกล่าว และให้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยดำเนินการเสียใหม่ให้ถูกต้อง
 
วันที่
The website encountered an unexpected error. Please try again later.