Skip to main content
x

 

คณะกรรมการตรวจการจ้างการก่อสร้างไม่ครบถ้วนตามรูปแบบที่ปรากฏในใบแจ้งปริมาณงานและราคา

 

เรื่องดำที่  5910033  เรื่องแดงที่  0098160
ผลคำวินิจฉัย  ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย  ต้นสังกัดดำเนินการเอง

 

ข้อเท็จจริง
          สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแห่งหนึ่งได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งทำการก่อสร้างสนามกีฬา 1 แห่ง ที่โรงเรียนประจำตำบล ว. ในวงเงิน 20,100,000 บาท และได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจการจ้าง ประกอบด้วย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล ว.  รองผู้อำนวยการโรงเรียนประจำตำบล ว.  ปลัดเทศบาลตำบล ว.  ครู คศ.2 โรงเรียน ว.  และผู้อุทธรณ์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายช่างโยธาชำนาญงาน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ส่วนผู้ควบคุมงานก่อสร้าง ได้แก่ วิศวกรโยธา 5 สำนักงานเทศบาลตำบล ว.  หลังจากคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับงานงวดสุดท้ายและเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างไปแล้ว  ต่อมาสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 9 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบการจัดจ้างโครงการดังกล่าว พบว่าการดำเนินการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบรูป รายการ และข้อกำหนดในสัญญารวม 10 รายการ และแจ้งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการ  คณะกรรมการตรวจการจ้างและช่างผู้ควบคุมงานได้ประชุมและแจ้งผู้รับจ้างให้ทำการแก้ไขให้เป็นไปตามแบบรูปรายการแบบข้อกำหนดในสัญญา ซึ่งผู้รับจ้างได้ทำการแก้ไขจำนวน 7 รายการ อีก 3 รายการไม่มีพื้นที่ให้ดำเนินการแก้ไข ผู้รับจ้างได้ยินยอมชำระเงินคืนทั้ง 3 รายการ เป็นเงิน 17,961.25 บาท ให้แก่ทางราชการ  หลังจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงแก่ผู้อุทธรณ์  ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนจนแล้วเสร็จและได้เสนอความเห็นต่อผู้ว่าราชการจังหวัด  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนว่า ผู้อุทธรณ์กระทำผิดวินัยฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 83 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 กรณีเป็นคณะกรรมการตรวจการจ้างการก่อสร้างสนามกีฬาโรงเรียน ว. ไม่ครบถ้วนตามรูปแบบที่ปรากฏในใบแจ้งปริมาณงานและราคา (ใบ BOQ) ทำให้เบิกจ่ายเงินค่าก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้างครบถ้วนตามงวดงาน ทั้งที่ปริมาณงานไม่ครบถ้วนตามสัญญาการก่อสร้าง  จึงได้มีคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือนผู้อุทธรณ์ในอัตราร้อยละ 2 เป็นเวลา 2 เดือน  ผู้อุทธรณ์จึงได้อุทธรณ์คำสั่งลงโทษดังกล่าวต่อ ก.พ.ค.
คำวินิจฉัย
          ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้าง แต่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ  ผู้อุทธรณ์ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายช่างโยธามาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี ย่อมมีความรู้ความสามารถในงานด้านการก่อสร้าง การควบคุม ตรวจสอบ ตรวจการจ้างงานก่อสร้างให้ถูกต้องตามแบบรูป รายการละเอียด และข้อกำหนดในสัญญา และย่อมทราบดีว่าในการตรวจการจ้าง หากได้นำใบแจ้งปริมาณงานและราคา (ใบ BOQ) มาใช้ในการตรวจสอบควบคู่ไปกับแบบแปลนการก่อสร้างก็จะทราบว่าผู้รับจ้างดำเนินการถูกต้องตามแบบรูป รายการละเอียด และข้อกำหนดในสัญญาหรือไม่  อีกทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้อุทธรณ์ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการกำหนดราคากลางท้องถิ่นสำหรับการก่อสร้างสนามกีฬาแห่งนี้  ผู้อุทธรณ์จึงย่อมทราบถึงรายละเอียดในใบแจ้งปริมาณงานและราคา (ใบ BOQ) ที่ได้จัดทำขึ้น  เมื่อผู้อุทธรณ์ได้ตรวจการจ้างโดยยึดตามแบบแปลนการก่อสร้าง  แต่ไม่เรียกใบแจ้งปริมาณงานและราคา (ใบ BOQ) มาประกอบการตรวจ  โดยเชื่อว่าผู้รับจ้างดำเนินการครบถ้วนถูกต้องตามที่ผู้ควบคุมงานก่อสร้างรายงาน จึงได้ตรวจรับการจ้างทำให้มีการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างไปครบถ้วนแล้ว  การกระทำของผู้อุทธรณ์จึงเป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง  ฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 83 (4) ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551  การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งลงโทษตัดเงินเดือนผู้อุทธรณ์ในอัตราร้อยละ 2 เป็นเวลา 2 เดือน จึงเป็นการใช้ดุลพินิจสั่งลงโทษภายในกรอบกฎหมายที่ให้อำนาจไว้
          ส่วนข้อที่ผู้อุทธรณ์อ้างว่า ผลการสอบสวนวินัยกรรมการตรวจการจ้างอีก 4 ราย นั้น  ผู้บังคับบัญชามีความเห็นเพียงว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น  ซึ่งมีความแตกต่างกับโทษทางวินัยที่ผู้อุทธรณ์ได้รับ  จึงถือเป็นการเลือกปฏิบัติ  ทำให้ผู้อุทธรณ์ได้รับโทษทางวินัยที่ไม่เป็นธรรม นั้น  เห็นว่ากรรมการตรวจการจ้างอีก 4 รายไม่ใช่ข้าราชการพลเรือนสามัญ  แต่เป็นข้าราชการประเภทอื่น  ประกอบกับผู้อุทธรณ์ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายช่างโยธามาเป็นเวลานาน  ย่อมมีความรู้ความสามารถในงานด้านการก่อสร้าง การตรวจสอบ การตรวจการจ้างงานก่อสร้าง มากกว่ากรรมการตรวจการจ้างคนอื่นๆ  กรณีจึงไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมตามที่ผู้อุทธรณ์กล่าวอ้าง  ดังนั้น การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือนผู้อุทธรณ์ในอัตราร้อยละ 2 เป็นเวลา 2 เดือน จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว  คำอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น  จึงวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์

 

วันที่