Skip to main content
x

 

คณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการปรับปรุงถนนคอนกรีตเสริมเหล็กดำเนินงานไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการ

 

เรื่องดำที่ 6010058  เรื่องแดงที่ 0006161
ผลคำวินิจฉัย  ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย  ต้นสังกัดดำเนินการเอง

 

ข้อเท็จจริง
          ที่ทำการปกครองอำเภอในจังหวัดแห่งหนึ่งได้จ้างบริษัทแห่งหนึ่งดำเนินการโครงการปรับปรุงถนนคอนกรีตเสริมเหล็กในวงเงิน 700,000 บาท และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจการจ้างโดยมีผู้อุทธรณ์ซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอ เป็นประธานกรรมการและกรรมการคนอื่น ๆ อีกห้าคน  ต่อมาคณะกรรมการตรวจการจ้างดังกล่าวได้ตรวจรับงานโครงการดังกล่าวและได้มีการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างไปแล้ว  หลังจากนั้น สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดได้ตรวจสอบโครงการดังกล่าวแล้วพบว่าไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการ โดยการวางเหล็กตะแกรง wire mesh Ø 4 ม.ม. ไม่เต็มพื้นที่ถนนคอนกรีต  โดยไม่มีการวางเหล็กตะแกรง wire mesh บริเวณขอบข้างถนนคอนกรีตทั้งซ้ายและขวา และพบรอยร้าวเล็กๆ บริเวณผิวถนนเกือบตลอดสายทาง ซึ่งน่าจะเกิดจากการไม่มีเหล็กตะแกรง wire mesh Ø 4 ม.ม. บริเวณผิวบนของถนนคอนกรีต เพราะเหล็กตะแกรง wire mesh จะช่วยยึดรอยแตกร้าวให้อยู่ชิดกัน ซึ่งสอดคล้องกับภาพถ่ายขณะกำลังดำเนินการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กดังกล่าวพบว่าการวางเหล็กตะแกรง wire mesh อยู่ติดขอบพื้นด้านล่างของถนนคอนกรีตขณะกำลังเทคอนกรีต โดยมีรถคอนกรีตผสมเสร็จวิ่งทับอยู่บนเหล็กตะแกรง wire mesh ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นเงิน 64,392.57 บาท จึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการกับทางวินัยแก่ผู้เกี่ยวข้อง และให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดในกรณีก่อสร้างไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการ เป็นเงิน 64,392.57 บาท ซึ่งผู้อุทธรณ์และคณะกรรมการตรวจการจ้างได้มีหนังสือยินยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนดังกล่าวตามที่สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดสรุปความเสียหาย ตามหลักเกณฑ์ของทางราชการ และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539  ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงแก่ผู้อุทธรณ์และคณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการดังกล่าว  และในที่สุดพิจารณาเห็นว่าผู้อุทธรณ์และคณะกรรมการตรวจการจ้างกระทำผิดฐานไม่ปฎิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการฯ ตามมาตรา 82 (2) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 จึงได้สั่งลงโทษภาคทัณฑ์แก่ผู้อุทธรณ์  ผู้อุทธรณ์จึงได้อุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.
คำวินิจฉัย
          ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่คณะกรรมการตรวจการจ้างที่มีผู้อุทธรณ์เป็นประธานกรรมการได้ตรวจการจ้างโครงการดังกล่าว โดยเชื่อตามที่ช่างควบคุมงานได้รายงานว่าการก่อสร้างโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จตามแบบรูป รายการละเอียด และข้อกำหนดในสัญญา และได้มีการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้างไปแล้ว ทั้งที่จากการตรวจสอบของสำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัด พบว่าโครงการปรับปรุงถนนคอนกรีตเสริมเหล็กไม่ถูกต้องตามแบบรูป เพราะวางเหล็กตะแกรง wire mesh Ø 4 ม.ม. ไม่เต็มพื้นที่ถนน โดยไม่มีการวางเหล็กตะแกรงดังกล่าวบริเวณขอบข้างถนนทั้งซ้ายและขวา และวางเหล็กตะแกรงอยู่ติดขอบพื้นด้านล่างของถนน ซึ่งไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการ สรุปความเสียหายเป็นเงิน 64,392.57 บาท โดยปรากฏตามหลักฐานภาพถ่ายในขณะก่อสร้างถนนดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ามีการวางเหล็กตะแกรง wire mesh Ø 4 ม.ม. ไม่เต็มพื้นที่ถนนจริง โดยไม่มีการวางเหล็กตะแกรงดังกล่าวบริเวณขอบข้างถนนทั้งซ้ายและขวา และวางเหล็กตะแกรงดังกล่าวอยู่ติดขอบพื้นด้านล่างของถนนขณะกำลังเทคอนกรีต  ซึ่งภาพถ่ายดังกล่าวคณะกรรมการตรวจการจ้างที่ผู้อุทธรณ์เป็นประธานกรรมการได้ลงลายมือชื่อรับรองไว้เพื่อใช้ประกอบการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้าง  ดังนั้น คณะกรรมการตรวจการจ้างที่มีผู้อุทธรณ์เป็นประธานกรรมการจึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบที่ได้ตรวจรับการจ้างโดยที่การก่อสร้างไม่ถูกต้องตามแบบรูป รายการละเอียด  แต่อย่างไรก็ตามคณะกรรมการตรวจการจ้างที่มีผู้อุทธรณ์เป็นประธานกรรมการไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ  ประกอบกับได้ยินยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว  การกระทำของผู้อุทธรณ์จึงเป็นความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาล ตามมาตรา 82 (2) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551  การที่ผู้อุทธรณ์ถูกลงโทษภาคทัณฑ์นั้น  ระดับโทษเหมาะสมแล้ว
          ส่วนข้อที่ผู้อุทธรณ์อ้างว่า พนักงานส่วนท้องถิ่นในฐานะช่างผู้ควบคุมงาน  ผู้มีอำนาจลงโทษทางวินัยมีความเห็นเพียงว่ากล่าวตักเตือนเป็นหนังสือแก่ช่างผู้ควบคุมงาน นั้น  เห็นว่า ช่างผู้ควบคุมงาน สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัด การดำเนินการทางวินัยแก่บุคคลดังกล่าวจึงยังไม่แล้วเสร็จ  อุทธรณ์ข้อนี้จึงไม่อาจรับฟังได้  ดังนั้น คำสั่งลงโทษภาคทัณฑ์แก่ผู้อุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว  คำอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น  วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์
 
วันที่