ภาพประกอบเนื้อหา

สถานโทษของผู้ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
“ก.พ.ค. ขอบอก”ครั้งนี้ขอเสนอบทความส่งท้ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ประจำเดือนกันยายนด้วยเรื่องของการลงโทษข้าราชการผู้ทุจริตที่เบียดบังเงินของหลวงไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวที่จะต้องลงโทษไล่ออกจากราชการเพียงสถานเดียว เพื่อเป็นการย้ำเตือนข้าราชการทุกท่านว่าหากท่านใดมีพฤติการณ์เช่นนี้ แม้ภายหลังจะได้นำเงินที่เบียดบังนั้นมาคืน ก็ไม่เป็นเหตุให้ลดหย่อนผ่อนโทษได้ เนื่องจากรัฐมีนโยบายที่ไม่สนับสนุนผู้ที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ให้อยู่ในระบบราชการต่อไปนั่นเอง
เรื่องนี้ผู้อุทธรณ์ได้อุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. กรณีได้รับชำระเงินค่าภาษีรถประจำปีและค่าธรรมเนียมในการดำเนินการทางทะเบียนแล้วเบียดบังเงินดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตนเองจำนวนเกือบ 4 ล้านบาท โดยกระทำการเช่นนี้ตลอดระยะเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่รับชำระเงินค่าภาษีรถประจำปี ก.พ.ค. พิจารณาแล้ว เห็นว่าพฤติการณ์ของผู้อุทธรณ์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ซึ่งมีมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 234 ลงวันที่ 24 ธันวาคม 2536 กำหนดให้ลงโทษผู้กระทำผิดวินัย ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ควรลงโทษไล่ออกจากราชการ การนำเงินที่ทุจริตไปแล้วมาคืน หรือมีเหตุอันควรปรานีอื่นใด ไม่เป็นเหตุลดหย่อนโทษเป็นปลดออกจากราชการ การที่ผู้อุทธรณ์ได้อุทธรณ์ขอลดโทษจึงไม่อาจกระทำได้
ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าผลแห่งการกระทำที่ท่านจะได้รับนั้นมากมายเพียงใด หากท่านคิดสั้นนำเงินหลวงหรือของหลวงไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน เพราะหากฟังได้ว่า เป็นเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ราชการแล้วก็คงไม่แคล้วที่จะต้องได้รับโทษไล่ออกจากราชการอย่างหลายๆ รายที่เคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว
ก่อนจากกันขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจติดตาม “ก.พ.ค. ขอบอก”ด้วยดีตลอดมา และขอแจ้งท่านผู้อ่านทุกท่านในที่นี้ว่า ท่านสามารถติดตาม “ก.พ.ค. ขอบอก” ได้ในรูปแบบของจุลสารรายไตรมาสเร็วๆ นี้ ที่จะมีข่าวสารและความรู้ที่น่าสนใจอีกมาก ซึ่งจะแจกแก่ส่วนราชการต่างๆ โดยสำนักงาน ก.พ. จะได้นำลงในเว็ปไซต์ http://www.ocsc.go.th หรือ http://mspc.ocsc.go.th อีกทางหนึ่งด้วยนะ..ขอบอก...
(ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน คอลัมน์ "ก.พ.ค. ขอบอก" ฉบับวันอังคารที่ 5 กันยายน 2560)
วันที่