ภาพประกอบเนื้อหา

ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
วันนี้ “ก.พ.ค. ขอบอก” ขอเสนอเรื่องราวความผิดของผู้อุทธรณ์รายหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความประพฤติส่วนตัวที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็เข้าข่ายเป็นความผิดวินัย
เรื่องนี้เกิดขึ้นจากการที่นักโทษในเรือนจำร้องเรียนกล่าวหาว่า ผู้อุทธรณ์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงานไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับภรรยาของตน ในขณะที่ผู้อุทธรณ์ก็มีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้วด้วย ภายหลังผู้อุทธรณ์ถูกกรมต้นสังกัดถูกดำเนินการทางวินัยและเมื่อผู้มีอำนาจเชื่อว่าผู้อุทธรณ์มีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง จึงได้มีคำสั่งลงโทษปลดออกจากราชการ ผู้อุทธรณ์จึงได้อุทธรณ์มายัง ก.พ.ค.
กรณีนี้ ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์และนาง ข. ซึ่งเป็นภรรยาของนักโทษในเรือนจำรวมทั้งพยานแวดล้อมอื่นต่างให้การสอดคล้องกันทำให้เชื่อได้ว่าผู้อุทธรณ์ได้คบหาและมีความสัมพันธ์ถึงขั้นได้เสียกับนาง ข. ในขณะที่ผู้อุทธรณ์ยังไม่ได้หย่าขาดกับภรรยาของตน และผู้อุทธรณ์ก็ทราบว่านาง ข. เป็นภรรยาของนักโทษซึ่งถูกจำคุกในเรือนจำที่ผู้อุทธรณ์ปฏิบัติอยู่ ผู้อุทธรณ์จึงกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง แม้ภายหลังผู้อุทธรณ์จะจดทะเบียนสมรสกับนาง ข. แต่ก็เป็นการดำเนินการภายหลังจากที่มีเรื่องเกิดขึ้น ดังนั้น การที่กรมมีคำสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์
เรื่องนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโทษทางวินัยที่พิจารณาความผิดจากความประพฤติส่วนตัวเพื่อให้ข้าราชการตระหนักเห็นถึงความสำคัญของเกียรติศักดิ์ตำแหน่งหน้าที่ราชการและความรู้สึกของสังคมด้วย เพื่อที่จะระมัดระวังสงบจิตสงบใจในการกระทำที่ไม่ถูกไม่ควรต่างๆ มิเช่นนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบถึงความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนได้ บทบัญญัติวินัยข้าราชการจึงต้องมีการบัญญัติเพื่อกำกับพฤติการณ์ในลักษณะนี้ของข้าราชการไว้เป็นอีกหนึ่งฐานความผิดด้วยนะ..ขอบอก...
(ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน คอลัมน์ "ก.พ.ค. ขอบอก" ฉบับวันอังคารที่ 1 สิงหาคม 2560)
วันที่