Skip to main content
x

 

 

เจ้าพนักงานที่ดินจัดทำหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินโดยไม่มีอำนาจและเป็นเท็จ

 

เรื่องดำที่  5810170  เรื่องแดงที่  0093160
ผลคำวินิจฉัย  ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย  ต้นสังกัดดำเนินการเอง  
 
ข้อเท็จจริง
                 มูลกรณีเรื่องนี้เกิดจากศาลจังหวัดแห่งหนึ่งได้มีหมายเรียกนาย ส. เจ้าพนักงานที่ดินอาวุโส รักษาการในตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ไปไต่สวนในคดีละเมิดอำนาจศาลจำนวน 2 คดี ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง  นาย ส. จึงได้ไปติดต่อขอตรวจสํานวนและคัดถ่ายสําเนาเอกสารคดีความจากศาลจังหวัด รวมทั้งสอบถามและให้ผู้อุทธรณ์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินชำนาญงานชี้แจงแล้วพบว่าเรื่องละเมิดอำนาจศาลมีมูลเหตุมาจากการที่ผู้อุทธรณ์ลงนามในหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินต่างสํานักงาน โดยระบุตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินชำนาญงาน ปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด จำนวน 3 ฉบับ  ซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดได้ตรวจสอบในเบื้องต้นจากบัญชีรับทำการประจำวันของสำนักงานที่ดินฯ แล้วไม่พบว่ามีการยื่นคำขอแต่อย่างใด  ทั้งเมื่อตรวจสอบใบเสร็จรับเงิน (ฉบับของสำนักงานที่ดิน) แล้ว ไม่ปรากฏว่ามีใบเสร็จรับเงินเข้าเล่มไว้  รวมถึงเมื่อตรวจสอบคําสั่งแบ่งงานตามคำสั่งสำนักงานที่ดินจังหวัดในช่วงเวลาที่เกิดเหตุแล้วก็พบว่าไม่มีการมอบอำนาจให้ผู้อุทธรณ์ปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด  ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีจึงได้สั่งให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้อุทธรณ์  ซึ่งในชั้นสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงได้มีการสอบถามข้อเท็จจริงไปยังศาลจังหวัดและได้ความว่า ในช่วงปี 2554 ถึงปี 2556 ผู้อุทธรณ์ได้ลงนามออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินต่างสำนักงานรวมที่ตรวจสอบพบเพื่อใช้แสดงต่อศาล จำนวน 72 ฉบับ โดยระบุราคาประเมินที่ดินไม่ตรงกับราคาประเมินที่ถูกต้องแท้จริง รวม 14 ฉบับ ซึ่งมากกว่าความเป็นจริง จำนวน 12 ฉบับ และน้อยกว่าความเป็นจริง จำนวน 2 ฉบับ  และศาลจังหวัดได้ส่งสำเนาคำพิพากษาคดีจำนวน 2 คดี ซึ่งศาลมีคำพิพากษาที่ผู้อุทธรณ์รับว่าจัดทำหนังสือรับรองราคาประเมินเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี  ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78  คงจำคุกคดีละ 4 เดือน  รวมจำคุกสามคดีเป็น 12 เดือน  ผลการดำเนินการทางวินัย ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี โดยมติ อ.ก.พ. จังหวัด พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้อุทธรณ์ในการดำเนินการรับคำขอและลงนามในหนังสือรับรองราคาประเมิน เพื่อรับรองราคาประเมินที่ดินต่างสำนักงานจำนวน 72 ฉบับ เป็นความผิดฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ตามมาตรา 82 (2) (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551  อีกทั้งการลงนามในหนังสือรับรองราคาประเมินโดยลงราคาประเมินสูงเกินความเป็นจริงหรือเป็นเท็จ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง เป็นความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ตามมาตรา 85 (1) (7)  ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีจึงได้มีคำสั่งลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ
 
คำวินิจฉัย
                ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า  เรื่องนี้มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า คำสั่งลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  โดยมีประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ ผู้อุทธรณ์ได้กระทำความผิดวินัยตามที่ถูกลงโทษหรือไม่  ซึ่งในเรื่องนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า  ผู้อุทธรณ์ได้ดำเนินการรับคำขอเพื่อรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินต่างสำนักงาน เพื่อให้ผู้ยื่นคำขอแสดงต่อศาลจังหวัด โดยมีคำขอจำนวน 3 รายการที่ตรวจสอบพบในตอนต้นซึ่งผู้อุทธรณ์ดำเนินการไม่ถูกต้อง คือ 1) การออกหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1 ตามหนังสือสำนักงานของสำนักงานที่ดินจังหวัด ข. ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2556  2) การออกหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2 ตามหนังสือสำนักงานของสำนักงานที่ดินจังหวัด ข. ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2556  และ 3) การออกหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินโฉนดเลขที่ 3 ตามหนังสือสำนักงานที่ดินจังหวัด ข. ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2556  ซึ่งทั้งสามฉบับผู้อุทธรณ์ได้ลงนามปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ข. รับรองราคาประเมินสูงกว่าความเป็นจริง  โดยบางฉบับผู้อุทธรณ์ได้ระบุว่าไม่มีการยึดหรืออายัด  ทั้งที่ความจริงมีการยึดหรืออายัดไว้แล้ว  และจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการยื่นคำขอให้ออกหนังสือฯ ทั้งสามฉบับ  ไม่พบว่ามีการส่งโทรสารไปติดต่อกับสำนักงานที่ดินจังหวัดต่างสำนักงานเพื่อตรวจสอบราคาประเมินที่ดินฯ ต่างสำนักงาน  และเมื่อตรวจสอบงบการเงิน ก็ไม่พบว่ามีการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองฯ ต่างสำนักงานแต่อย่างใด  นอกจากนี้ ยังได้ความจากศาลจังหวัดว่า ผู้อุทธรณ์ได้ลงนามออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินต่างสำนักงานที่ตรวจสอบพบว่ามีการใช้แสดงต่อศาลในช่วงปี 2554 ถึงปี 2556 อีกจำนวน 69 ฉบับ รวมกับ3 ฉบับข้างต้นเป็น 72 ฉบับ โดยระบุราคาประเมินไม่ตรงกับราคาประเมินที่ถูกต้องแท้จริง รวม 14 ฉบับ ซึ่งมากกว่าความเป็นจริง จำนวน 12 ฉบับ และน้อยกว่าความเป็นจริง 2 ฉบับ  จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเห็นได้ว่า ขณะเกิดเหตุผู้อุทธรณ์ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินชำนาญงาน  และตามคำสั่งสำนักงานที่ดินจังหวัด ข. ในช่วงเวลาเกิดเหตุ ได้มอบหมายให้ผู้อุทธรณ์ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอและดำเนินการงานนิติกรรม งานทะเบียนสิทธิและหนังสือสำคัญทุกประเภท  และในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ผู้อุทธรณ์ได้ลงนามออกหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินต่างสำนักงานจำนวนมากถึง 72 ฉบับ เพื่อให้ผู้ยื่นคำขอนำไปประกอบแสดงต่อศาลจังหวัดเพื่อประกอบการพิจารณากรณีร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว  โดยผู้อุทธรณ์ได้ให้เหตุผลที่ลงนามในหนังสือรับรองราคาประเมินของโฉนดที่ดินเลขที่ 1 และเลขที่ 2 ด้วยตนเองเป็นเพราะเห็นว่าหัวหน้าฝ่ายทะเบียนมีงานมากและมีราษฎรรอเข้าพบและผู้ขอรีบที่จะใช้เอกสาร  ผู้อุทธรณ์จึงลงนามไปแทนเพื่ออำนวยความสะดวก  แสดงให้เห็นว่าผู้อุทธรณ์รู้ว่าตนเองไม่มีอำนาจในการลงนามในหนังสือรับรองราคาประเมินดังกล่าว แต่ก็ได้กระทำไป  พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงถึงความจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมที่ดินฯ
                นอกจากนี้ การจัดทำหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินของโฉนดที่ดินเลขที่ 1 และเลขที่ 2 ก็ปรากฏว่าผู้อุทธรณ์มิได้ดำเนินการให้มีการยื่นคำขอเพื่อออกหนังสือรับรองให้ถูกต้องตามระเบียบ  รวมทั้งมิได้เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมคำขอออกหนังสือฯ ให้ถูกต้องตามระเบียบ  และเมื่อดำเนินการออกหนังสือรับรองราคาประเมินตามคำขอแล้ว  ผู้อุทธรณ์ก็มิได้นำเอกสารคำขอและหลักฐานต่าง ๆ ที่จัดทำเสร็จแล้วจัดเก็บไว้ตามระเบียบ  ซึ่งหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติดังกล่าวเป็นไปตามที่ระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการประเมินราคาทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และการขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น พ.ศ. 2556 และแนวทางปฏิบัติของสำนักงานที่ดินจังหวัด ข. ทั้งการที่ผู้อุทธรณ์ระบุราคาประเมินที่ดินสูงไปกว่าความเป็นจริง และระบุว่าที่ดินไม่มีการยึดหรืออายัดทั้งที่ความจริงแล้วมีการยึดและอายัดไว้  การกระทำดังกล่าวก็เป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามข้อ 31 ของระเบียบกรมที่ดินฯ ฉบับดังกล่าว  ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จึงรับฟังได้ว่าผู้อุทธรณ์มิได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการประเมินราคาทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และการขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น พ.ศ. 2556 และการที่ผู้อุทธรณ์ให้การรับว่า เป็นผู้กระทำและลงนามในหนังสือรับรองราคาประเมินทั้ง 72 ฉบับ และทราบว่าตนเองไม่มีหน้าที่โดยตรงในการจัดทำหนังสือรับรองราคาประเมิน แต่เห็นว่าหัวหน้าฝ่ายทะเบียนมีงานมาก เกรงว่าราษฎรจะรอนาน จึงช่วยดำเนินการให้  ก็ไม่มีเหตุผลอันสมควรแก่การรับฟัง  ส่อให้เห็นถึงเจตนาอันไม่สุจริตของผู้อุทธรณ์ที่จงใจละเลยกฎระเบียบ อำนาจหน้าที่ ซึ่งเชื่อได้ว่าผู้อุทธรณ์ย่อมประสงค์ต่อผลประโยชน์ในการจัดทำหนังสือรับรองราคาประเมิน เพราะมีการลงนามในหนังสือต่อเนื่องหลายครั้ง หลายคราว ต่างวันต่างเวลา จำนวนถึง 72 ฉบับ  การกระทำของผู้อุทธรณ์จึงเป็นความผิดฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมายกฎระเบียบของทางราชการ และปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นความผิดวินัยตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551  อีกทั้งการลงนามในหนังสือรับรองราคาประเมินโดยลงราคาประเมินสูงเกินความเป็นจริง และเป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ก็เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ตามมาตรา 85 (1) แห่งพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551  การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีมีคำสั่งลงโทษไล่ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการจึงถูกต้องและเหมาะสมแล้ว 
 
วันที่
The website encountered an unexpected error. Please try again later.