Skip to main content
x

 

เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการโดยทุจริต

 

                 วันนี้ “ก.พ.ค. ขอบอก” ขอถือโอกาสอันดีสวัสดีแฟนพันธุ์แท้ทุกท่าน นับแต่นี้ท่านสามารถติดตามเรื่องราวความรู้ดี ๆ จากคอลัมน์ “ก.พ.ค. ขอบอก” ได้ในจุลสาร “ก.พ.ค. News” ซึ่งจะตีพิมพ์รายไตรมาสเพื่อแจกจ่ายให้แก่ส่วนราชการทั้งหลาย หรือทางเว็บไซต์ http://mspc.ocsc.go.th 
                 สำหรับวันนี้ ขอเสนอเรื่องราวของอดีตนักวิชาการคลังชำนาญการ สังกัดสำนักงานคลังจังหวัดรายหนึ่งที่อุทธรณ์คำสั่งเพิ่มโทษจากปลดออกเป็นไล่ออกจากราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (1) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 กรณีเมื่อครั้งที่ผู้นี้รักษาราชการแทนคลังจังหวัด ได้ขออนุมัติเดินทางไปราชการ และเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเป็นเท็จ ผู้นี้ได้อุทธรณ์อ้างว่า ตนเข้าใจว่าตนมีสิทธิที่จะเบิกได้ มิได้มีเจตนาทุจริต และเมื่อทราบว่าตนไม่มีสิทธิเบิกก็ได้คืนเงินแล้ว จึงขอให้ ก.พ.ค. ลดหย่อนโทษ
                 ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้อุทธรณ์ได้ขออนุมัติต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อเดินทางไปราชการที่กรมต้นสังกัดในวันที่ 30 ธ.ค. 2553 - 5 ม.ค. 2554 รวม 7 วัน ซึ่งอยู่ในช่วงวันหยุดราชการหลายวันติดต่อกันโดยไม่มีหลักฐานหรือรายละเอียดว่าเดินทางไปราชการด้วยภารกิจใด แต่ได้เบิกค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าพาหนะ รวมเป็นเงิน 10,518 บาท  โดยอ้างว่าได้ไปราชการที่กรมเพียง 2 วัน คือ วันที่ 30 ธ.ค. 2553 ไปสหกรณ์ออมทรัพย์ของกรมเพื่อติดต่อเกี่ยวกับเรื่องค้ำประกันหนี้ให้กับเพื่อนข้าราชการ และวันที่ 4 ม.ค. 2554 ได้เข้าร่วมอวยพรปีใหม่ผู้บริหารของกรม ซึ่ง ก.พ.ค. เห็นว่า การเดินทางในลักษณะนี้ไม่ใช่การเดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราว ตามมาตรา 13 แห่งพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และในช่วงเวลาดังกล่าวก็เป็นวันหยุดราชการที่ปรากฏหลักฐานภาพถ่ายของผู้อุทธรณ์ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วย
                 นอกจากนี้ ผู้อุทธรณ์ยังได้ขออนุมัติเดินทางไปราชการที่สำนักกษาปณ์ รังสิต ในวันที่ 16 – 17 มี.ค. 2554 เพื่อตรวจนับเหรียญกษาปณ์ของสำนักงานคลังจังหวัด โดยมีกำหนดเดินทางตั้งแต่วันที่ 14 – 18 มี.ค. 2554 และได้เบิกค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าพาหนะ รวมเป็นเงิน 5,618 บาท แต่ปรากฏหลักฐานว่าวันที่ 13 – 18 มี.ค. 2554 ผู้อุทธรณ์ได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ โดยไม่ได้ขออนุญาตต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งผู้อุทธรณ์ย่อมทราบดีว่าตนไม่ได้เดินทางไปราชการในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ได้ขออนุมัติเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเป็นเท็จด้วยเจตนาทุจริต ดังนั้น การที่ผู้อุทธรณ์ซึ่งขณะนั้นรักษาราชการแทนคลังจังหวัด มีหน้าที่ในการอนุมัติเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ และได้อนุมัติเบิกค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้กับตนเองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย  เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ จึงเป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการและประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การที่ อ.ก.พ. กระทรวงมีมติให้เพิ่มโทษจากปลดออกเป็นไล่ออกจากราชการ นั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น จึงวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์
                 เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า หากข้าราชการผู้นี้ได้ตระหนักถึง “คำสอนของพ่อ” ที่ทรงเน้นหนักให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนแล้ว คงจะไม่สูญเสียทั้งตำแหน่งหน้าที่ และชื่อเสียงเกียรติยศเช่นนี้.
 
ผู้เขียน  :  สุขุมาล ตรีขจรเกียรติ
(ตีพิมพ์ในจุลสาร "ก.พ.ค. News" ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 ตุลาคม - ธันวาคม 2560)

 

ประเภทเนื้อหา
วันที่