Skip to main content
x

 

เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนลงโทษเยาวชนโดยไม่ถูกต้อง

 

เรื่องดำที่ 5810100   เรื่องแดงที่  0088160
ผลคำวินิจฉัย  ยกอุทธรณ์
การดำเนินการทางวินัย ต้นสังกัดดำเนินการเอง
 
ข้อเท็จจริง
                   ผู้อุทธรณ์มีหน้าที่ปกครองดูแลให้การอภิบาลการพินิจและการปฏิบัติต่อเด็กหรือเยาวชน กิน อยู่ หลับ นอน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติต่อเด็กหรือเยาวชนตามกฎหมายและตามคู่มือการปฏิบัติงานที่หน่วยงานกำหนด ควบคุมดูแล เฝ้าระวังเด็กหรือเยาวชนเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหรือเยาวชนก่อความไม่สงบก่อเหตุร้ายหรือหลบหนี  เมื่อมีการจัดกิจกรรมจากบุคคลภายนอกเข้ามาแสดงดนตรีภายในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนซึ่งจัดแสดงภายในบริเวณโรงยิม  โดยการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการบำบัดฟื้นฟูเยาวชนไม่ได้จัดเป็นลักษณะโครงการ  ผู้อุทธรณ์จึงมีหน้าที่ในการดูแลเด็กและเยาวชนอันเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามปกติ  ในวันดังกล่าวมีเยาวชนชายและเยาวชนหญิงทั้งหมดประมาณ 500 คนได้เข้าร่วมชมการแสดงที่จัดขึ้น  ต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่สังเกตพบสิ่งผิดปกติจึงได้นำตัวเยาวชนประมาณ 5 - 6 คน ออกจากโรงยิม และได้สอบถามเรื่องเครื่องดื่มที่เยาวชนดื่ม  ระหว่างนั้นผู้อุทธรณ์ทราบเรื่องจึงไปสมทบเนื่องจากผู้อุทธรณ์มีหน้าที่กำกับดูแลควบคุมความเรียบร้อย ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้อุทธรณ์ได้ให้เยาวชนทั้งหมดตั้งท่าเตรียมยึดพื้นแล้วใช้ไม้ขนาด 1 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร เคาะที่ศีรษะของเยาวชนทีละคน กระทั่งทำให้ศีรษะของเยาวชน 1 ราย แตกแพทย์ต้องเย็บแผล 6 เข็ม และให้กลับไปรักษาตัว ณ ที่พักได้  ต่อมาได้มีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนกล่าวหาผู้อุทธรณ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติกรรมของผู้อุทธรณ์เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง อ.ก.พ. กรมได้พิจารณาแล้วเห็นชอบให้ปลดออกจากราชการ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจึงมีคำสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ ผู้อุทธรณ์เห็นว่าการลงโทษไม่เหมาะสม รุนแรงเกินไป จึงได้อุทธรณ์คำสั่งลงโทษต่อ ก.พ.ค.
 
คำวินิจฉัย
                   ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า  แมัในเรื่องนี้จะปรากฏข้อเท็จจริงว่าเหตุที่ทำให้มีการดำเนินการทางวินัยแก่ผู้อุทธรณ์เกิดจากมีการร้องเรียนเป็นบัตรสนเท่ห์ โดยผู้ร้องเรียนมิใช่มารดาของเยาวชนผู้เสียหาย และแม้บัตรสนเท่ห์ดังกล่าวจะมิได้ระบุชื่อผู้อุทธรณ์ก็ตาม  แต่ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แวดล้อมที่ปรากฏเพียงพอที่จะใช้ประกอบการสืบสวนได้ว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาผู้อุทธรณ์หรือไม่  ซึ่งเป็นดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ที่สามารถสั่งให้ดำเนินการได้ตามนัยข้อ 5 ของกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556
                   ส่วนกรณีที่อ้างว่า  เป็นการทำหน้าที่เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ และเป็นการป้องปรามเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นอันเป็นการควบคุม ตรวจสอบและเรียกสติ นั้น  เห็นว่า เจ้าหน้าที่ได้แยกเยาวชนที่มีปัญหาออกจากบริเวณที่มีการแสดงแล้ว อันถือได้ว่าเป็นการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์แล้ว  ซึ่งตามสภาพของเยาวชนที่ถูกเรียกตัวออกมานี้ยังไม่ปรากฏชัดว่ามีอาการมึนเมาและมีพฤติการณ์ส่อว่าจะก่อเหตุชุลมุนวุ่นวายแต่อย่างใด  การใช้ไม้เคาะศีรษะเยาวชนจนมีผลทำให้ศีรษะแตกแพทย์เย็บแผล 6 เข็ม ถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าความจำเป็นที่ต้องใช้ในขณะนั้น  ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวจึงไม่อาจรับฟังได้ การสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการจึงเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องแล้ว  การกระทำของผู้อุทธรณ์เป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ  เนื่องจากกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้มีหนังสือแจ้งเวียนให้เจ้าหน้าที่ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด โดยเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิลงทัณฑ์เด็กและเยาวชนโดยการเฆี่ยนถือเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง 
                   ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเห็นว่า การกระทำของผู้อุทธรณ์ขัดต่อภารกิจของส่วนราชการก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการบำบัดแก้ไขเด็กและเยาวชนรวมถึงภาพลักษณ์องค์กร ถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง  การที่อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนสั่งลงโทษปลดผู้อุทธรณ์ออกจากราชการ จึงเหมาะสมแก่กรณีความผิดแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น  วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์
 
วันที่
The website encountered an unexpected error. Please try again later.