แม้ไม่สัมภาษณ์ การคัดเลือกก็ชอบด้วยกฎหมาย (1)

               สวัสดีค่ะ ก.พ.ค. ขอบอกวันนี้ขอนำเรื่องกระบวนการคัดเลือกเพื่อเลื่อนขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดี ซึ่งเพื่อนข้าราชการหลายคนคงแอบสนใจอยู่ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้อำนวยการสำนักรายหนึ่ง ร้องทุกข์ว่า กรมที่ตนสังกัดอยู่ได้ประกาศรับสมัครคัดเลือกข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดี ผู้ร้องทุกข์จึงยื่นใบสมัครพร้อมรายละเอียดและเอกสารแสดงผลงานตามที่คณะกรรมการคัดเลือกฯ กำหนด หลังจากยื่นใบสมัครแล้ว ผู้ร้องทุกข์ไม่เคยถูกเรียกตัวไปเข้ารับการสัมภาษณ์หรือนัดให้ไปแสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมการคัดเลือกฯ แต่อย่างใด แต่แล้วจู่ๆ ปลัดกระทรวงก็มีคำสั่งกระทรวง ลงวันที่ 26 มกราคม 2558 แต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักรายหนึ่งให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีดังกล่าว ผู้ร้องทุกข์เห็นว่าตนเป็นผู้ที่สมควรได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้มากกว่าผู้ได้รับการแต่งตั้ง เพราะตนมีคุณสมบัติและมีความรู้ความสามารถที่ต้องการมากกว่า มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานในตำแหน่งมากกว่า หากนำผลงานมาเปรียบเทียบแล้วจะเห็นว่า ผู้ร้องทุกข์สามารถทำงานได้หลากหลายและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากกว่า อีกทั้งตนมีอาวุโสเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่ผู้ได้รับการแต่งตั้งมีอาวุโสเป็นอันดับสาม ที่สำคัญคือ คณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่เคยเรียกผู้ร้องทุกข์เข้ารับการสัมภาษณ์หรือแสดงวิสัยทัศน์เลย การแต่งตั้งครั้งนี้น่าจะมีการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ได้รับการแต่งตั้ง การคัดเลือกไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.พ. กำหนด ทำให้ผู้ร้องทุกข์ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงขอให้ ก.พ.ค. วินิจฉัยยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวและดำเนินการแต่งตั้งใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายและตามระบบคุณธรรมต่อไป

                 ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า การคัดเลือกในครั้งนี้เป็นการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหารระดับต้น ในตำแหน่งรองอธิบดี การดำเนินการคัดเลือกจึงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 0701/ว 9 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2544 และหนังสือสำนักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร 1003/ว 13 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2549 ซึ่งเมื่อพิจารณาขั้นตอนการดำเนินการคัดเลือกดังกล่าวแล้วเห็นว่าหน่วยงานได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในหนังสือสำนักงาน ก.พ. ทั้งสองฉบับครบถ้วนทุกขั้นตอนแล้ว โดยเฉพาะการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ในการพิจารณากำหนดองค์ประกอบในการประเมินเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับประเมินผู้สมัครนั้นได้คำนึงถึงความสอดคล้องกับความจำเป็นตามลักษณะงานของตำแหน่ง ความต้องการผู้มีความรู้ ความสามารถ และคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานในตำแหน่งรองอธิบดีดังกล่าวแล้ว

                อย่างไรก็ตาม ด้วยพื้นที่อันจำกัดเมื่อเทียบกับเนื้อหาที่น่าสนใจ ครั้งนี้จึงขอสรุปแต่เพียงว่าหน่วยงานแห่งนี้ได้ดำเนินการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงาน ก.พ. กำหนดไว้ครบทุกขั้นตอนแล้ว ส่วนประเด็นที่ผู้ร้องทุกข์อ้างว่า ตั้งแต่ตนยื่นใบสมัครก็ไม่เคยถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์ หรือนัดให้ไปแสดงวิสัยทัศน์เลยนั้น ก.พ.ค. จะวินิจฉัยอย่างไร คงต้องติดตามอ่านกันในครั้งถัดไปนะคะ 

(ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน คอลัมน์ "ก.พ.ค. ขอบอก" ฉบับวันที่ 17 พ.ย. 2558)