Skip to main content
x
 

กรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง 

               
                   " ก.พ.ค. ขอบอก" วันนี้ ขอเสนอกรณีการดำเนินการทางวินัยในความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 หมวด 7 ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย ซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 95 วรรคสอง ว่า “ในกรณีที่เป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามที่กำหนดไว้ในกฎ ก.พ. จะดำเนินการทางวินัยโดยไม่ต้องสอบสวนก็ได้ ดังนั้น การที่ข้าราชการกระทำผิดวินัยในกรณีที่เป็นความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 อาจใช้ดุลพินิจในการดำเนินการทางวินัยโดยไม่ต้องสอบสวนหรือหากอยู่ระหว่างการสอบสวนอาจงดการสอบสวนก็ได้ ทั้งนี้ตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 หมวด 5 กรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง ข้อ 64 และ ข้อ 65 แบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
                   1. กรณีความผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง  แยกออกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
                   (1)  รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชา
                   (2)  ให้ถ้อยคำรับสารภาพและมีการบันทึกถ้อยคำรับสารภาพไว้เป็นหนังสือ หรือ
                   (3)  มีหนังสือรับสารภาพต่อผู้มีหน้าที่สอบสวนหรือคณะกรรมการสอบสวนตามกฎ ก.พ. นี้
                   โดยที่การรับสารภาพดังกล่าว ต้องเป็นการรับสารภาพโดยสิ้นเชิงไม่มีการยกข้อต่อสู้เป็นประเด็นใหม่ขึ้นมา ซึ่งผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 อาจพิจารณาให้งดการสอบสวนก็ได้ โดยไม่ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา ตลอดจนรับฟังคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหา
                   2. กรณีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง  แยกออกไว้เป็น 3 ลักษณะ คือ
                   (1)  ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน โดยไม่กลับมาปฏิบัติหน้าที่ราชการอีกเลย และผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ได้ดำเนินการหรือสั่งให้ดำเนินการสืบสวนแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ดังนั้น ถ้าหากผู้ถูกกล่าวหากลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกจะต้องดำเนินการสอบสวนตามปกติ โดยให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเต็มที่นั่นเอง
                   (2)  กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือโทษที่หนักกว่าโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก โดยต้องถูกจำคุกจริง ๆ ไม่ใช่รอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ หรือได้รับโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
                   (3)  กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชา หรือได้ให้ถ้อยคำรับสารภาพและมีการบันทึกถ้อยคำรับสารภาพไว้เป็นหนังสือหรือมีหนังสือรับสารภาพต่อผู้มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน หรือคณะกรรมการสอบสวนตามกฎ ก.พ. นี้
 
(ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน คอลัมน์ "ก.พ.ค. ขอบอก" ฉบับวันอังคารที่ 7 ก.ค. 58)

 

วันที่